‘คิงส์เกต’ หวังเจรจารัฐบาลไทยยุติข้อพิพาทคดีเหมืองทองอัครา ก่อนอนุญาโตตุลาการตัดสิน

‘คิงส์เกต’ หวังเจรจารัฐบาลไทย – นายสิโรจ ประเสริฐผล กรรมการ บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีข้อพิพาทระหว่างบริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดทเต็ด ลิมิเต็ด บริษัทแม่ของบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ยื่นอนุญาโตตุลาการฟ้องรัฐบาลไทยละเมิดข้อตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย (TAFTA) โดยอาศัยอำนาจมาตรา 44 ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 72/2559 เมื่อวันที่ 1 ม.ค. 2559 ระงับการอนุญาตให้ประกอบกิจการเหมืองแร่ทองคำในพื้นที่ จ.พิจิตร เพชรบูรณ์ พิษณุโลก ส่งผลกระทบต่อการประกอบธุรกิจ ว่า ขณะนี้กระบวนการอยู่ระหว่างอนุญาโตฯ รวบรวมเอกสาร ข้อมูลและหลักฐานต่างๆ ซึ่งบริษัทก็ได้ส่งรายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติมตามที่อนุญาโตฯ ร้องขอเต็มที่ เพื่อประกอบการพิจารณาไต่สวนพร้อมเรียกตัวแทนชี้แจงในวันที่ 19 พ.ย. 2562

“บริษัทพร้อมเสมอที่จะเจรจากับภาครัฐหากมีการประสานขอหารือมาด้วยความจริงใจ ขณะเดียวกันบริษัทก็ยังติดตามความชัดเจนเกี่ยวกับการวางตัวบุคคลที่จะมาเป็นรมว.อุตสาหกรรม คนใหม่ เพราะหวังว่าจะได้เจรจาหารือเพื่อยุติการฟ้องที่เกิดขึ้นก่อนจะถึงวันพิจารณาข้อพิพาท โดยเฉพาะเรื่องเงื่อนไขการชดเชยความเสียให้กับเหมืองอัคราตลอดเวลาที่ถูกสั่งระงับประกอบกิจการ เช่น รายได้ของบริษัท การเสียโอกาสในการลงทุน รวมถึงมูลค่าเพิ่มต่อเศรษฐกิจของประเทศ ตลอดจนการเยียวยาพนักงาน ที่สำคัญภาครัฐต้องมีข้อตกลงการันตีได้ว่าหากในอนาคตคิงส์เกตจะลงทุนในไทยต่อไปต้องไม่ถูกรัฐบาลสั่งปิดโดยไร้ข้อพิสูจน์ตามหลักฐานทางวิทยาศาสตร์เหมือนที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่คิงส์เกตถูกปฏิบัติแบบนี้ แต่เมื่อปี 2558 ก็เคยถูกสั่งปิดมาแล้ว 45 วัน”นายสิโรจ กล่าว

รายงานข่าวแจ้งว่า จากการประเมินตัวเลขความเสียหายของเหมืองอัคราโดยวัดจากปริมาณสำรองแร่ทองพบว่าปัจจุบันเหมืองอัครามาแร่ทอง 8.9 แสนออนซ์ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 37,020 ล้านบาท และแร่เงิน 8.3 ล้านออนซ์ มูลค่าประมาณ 3,984 ล้านบาท ซึ่งสามารถผลิตได้ต่อเนื่องเป็นเวลา 8-10 ปีข้างหน้า รวมมูลค่า 41,004 ล้านบาท อีกทั้งยังมีปริมาณสำรองที่คาดว่าจะมี ประกอบด้วย ทอง 162 ล้านออนซ์ เงิน 28.4 ล้านออนซ์

“จนถึงขณะนี้ทางรัฐบาลยังไม่มีข้อยุติทางวิทยาศาสตร์ว่าเหมืองอัคราปล่อยสารพิษจนกระทบต่อสุขภาพของประชาชนรอบเหมือง แม้ที่ผ่านมาบริษัทพยายามขอเจรจากับรัฐบาลไทย โดยเฉพาะกระทรวงอุตสาหกรรมหลายครั้งก่อนจะเข้าสู่กระบวนการอนุญาโตฯ แต่รัฐบาลส่งนายพสุ โลหารชุน ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นตัวแทนหารือแทนโดยไม่สามารถใช้อำนาจตัดสินใจอะไรได้ ทำให้ไม่มีความคืบหน้า”รายงานข่าวระบุ

อย่างไรก็ตาม ตลอดระยะเวลา 15 ปี ตั้งแต่ปี 2544-2559 ที่เหมืองอัคราเปิดดำเนินการกิจการในไทย บริษัทได้นำเงินส่งเป็นค่าภาคหลวงแร่รวม 4,593 ล้านบาท จ่ายภาษีเงินได้นิติบุคล 1,145 ล้านบาท ค่าจ้างพนักงาน 992 คน รวม 1,801 ล้านบาท ปัจจุบันเหลือ 36 คน ค่าจ้างบริษัท ซัพพลายเออร์ ผู้รับเหมาต่างๆ 32,363 ล้านบาท สนับสนุนชุมชนผ่านกองทุนต่างๆ 207.5 ล้านบาท เฉลี่ยปีละประมาณ 37 ล้านบาท สนับสนุนชุมชนโดยตรงผ่านงานพัฒนาและกิจกรรมเพื่อสังคม 101 ล้านบาท สนับสนุนทุนการศึกษา 60.2 ล้านบาท รวมประมาณ 40,217 ล้านบาท

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน