เอสซีจี อ่วมรายได้-กำไรลดฮวบ รื้อเป้ายอดขายปีนี้ลดลง 9-10% เซ่นพิษสงครามการค้า-เงินบาทแข็งโป๊ก

เอสซีจีจุกรายได้-กำไรลดฮวบ – นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2562 ของเอสซีจีมีกำไร 9,079 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 27% ซึ่งหากรวมรายการหักเงินชดเชยตามกฎหมายแรงงานเพิ่มเป็น 400 วัน เหลือกำไร 7,044 ล้านบาท มีรายได้จากการขาย 109,094 ล้านบาท ลดลง 9% เนื่องจากราคาสินค้าเคมีภัณฑ์ที่มีรายได้ 45,995 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 19% ธุรกิจแพ็กเกจจิ้งมีรายได้ 20,402 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 6% ตามความต้องการซื้อที่ลดลง ซึ่งได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐ และการแข็งค่าของเงินบาทที่ส่งผลต่อส่วนต่างราคาสินค้าปรับตัวลดลง ประกอบกับการขาดทุนจากการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือ 1,150 ล้านบาท

ทั้งนี้ หากพิจารณาผลประกอบการในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ เอสซีจีมีกำไร 20,741 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 16% ซึ่งหากรวมรายการหักเงินชดเชยตามกฎหมายแรงงานเพิ่มเป็น 400 วัน เหลือกำไร 18,706 ล้านบาท มีรายได้จากการขายรวม 221,473 ล้านบาท ลดลง 7% เนื่องจากราคาสินค้าเคมีภัณฑ์ที่ปรับตัวลดลง ส่วนต่างราคาสินค้าเคมีภัณฑ์ปรับตัวลดลงจากผลกระทบของสงครามการค้า อีกทั้งรายได้จากการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศรวมการส่งออกในครึ่งแรกของปีอยู่ที่ 88,825 ล้านบาท คิดเป็น 40% ของยอดขายรวม ลดลง 11%

“ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างทบทวนเป้าหมายยอดขายปีนี้ทั้งปีใหม่ จากเดิมคาดไว้ปีนี้โต 5-10% เนื่องจากราคาขายในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ลดลง 9% เพราะผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินบาท ขณะที่ในเชิงปริมาณการขายส่วนใหญ่จะคงที่ มีเพียงบางส่วนเท่านั้นที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างไตรมาส 2 ที่มีรายได้จากการขาย 45,928 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% แต่หากมองแนวโน้มยอดขายปีนี้ทั้งปีเบื้องต้นคาดว่าจะลดลงจากปีก่อน 9-10% เริ่มเห็นสัญญาณได้จากกำไรในช่วง 6 เดือนแรกลดลง 16% ดังนั้นในช่วงที่เหลือของปีนี้จะหวังให้ธุรกิจขยายตัวคงเป็นไปได้ยาก”

นายรุ่งโรจน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ล่าสุดได้ทบทวนงบลงทุนปีนี้อยู่ที่ 7.5 หมื่นล้านบาท ลดลงจากแผนเดิมตั้งเป้าหมายลงทุนอยู่ที่ 8.5 หมื่นล้านบาท หลังจากครึ่งแรกของปีนี้ใช้งบลงทุนไปแล้ว 3.9 หมื่นล้านบาท ซึ่งในระยะข้างหน้าบริษัทยังคงมองหาการลงทุนซื้อธุรกิจใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักและเห็นโอกาสในการทำกำไรได้เร็ว ส่วนการลงทุนของรัฐบาลมองว่าหากภาครัฐสามารถเดินหน้าโครงการลงทุนขนาดใหญ่ได้โดยเร็ว สามารถเบิกจ่ายงบลงทุนได้ตามเป้าหมายจะสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนได้มาก

นอกจากนี้ ยังต้องติดตามปัจจัยเสี่ยงที่สร้างความผันผวนในตลาดค่อนข้างสูงมากอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะให้น้ำหนักเรื่องเศรษฐกิจโลกชะลอตัวจากผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐ รวมถึงติดตามสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างประเทศอิหร่าน-สหรัฐ ที่ส่งผลต่อราคาน้ำมันดิบตลาดโลกผันผวนสูงกว่าปัจจัยพื้นฐาน เพื่อปรับกลยุทธ์ด้านการผลิตและการค้ารับมือในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมองหาโอกาสทางการค้าในตลาดอื่นมากขึ้น เพื่อชดเชยการส่งออกสินค้าไปยังประเทศจีน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน