‘ถาวร’ บี้บินไทย รื้อขายตั๋วผ่านเอเยนต์ เร่งปั้นรายได้ ขู่ขายหลุดเป้าขึ้นแบล็กลิสต์ – ชงลดเกรดไทยสมายล์เป็นโลว์คอสต์ ส่งสู้ศึกบินทุนต่ำ พร้อมลุยซื้อเครื่องบิน 38 ลำ 1.5 แสนล้าน ดัน ครม.ไฟเขียว ส.ค. นี้

ลุยซื้อเครื่องบิน 1.5 แสนล้าน – นายถาวร เสนเนียน รมช.คมนาคม เปิดเผยถึงแนวทางการพลิกฟื้น บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ว่า การบินไทยต้องเร่งเพิ่มรายได้โดยเฉพาะรายได้จากการขายตั๋วโดยสาร ได้สั่งการให้การบินไทยไปจัดระเบียบการขายตั๋วผ่านเอเยนต์ใหม่ทั้งหมด เนื่องจากปัจจุบันการบินไทยมีการขายตั๋วผ่านเอเยนต์มากถึง 75% แต่ไม่ค่อยมีประสิทธิภาพ เช่น ซื้อเหมาตั๋วการบินไปจำนวนมาก แล้วขายไม่หมดนำมาคืน ทำให้การบินไทยต้องรับภาระค่าใช้จ่ายส่วนนี้เพิ่ม และยังเสียโอกาสจากการหารายได้เพิ่ม ดังนั้นการบินไทยจะกลับไปปรับเกณฑ์และเงื่อนไขเอเยนต์การบินไทยใหม่ โดยอาจจะต้องกำหนดเกณฑ์การประเมินยอดขายตั๋วภายในระยะเวลาที่กำหนดหากเอเยนต์รายใดไม่สามารถทำยอดขายได้ตามเกณฑ์ จะต้องถูกลงโทษเบื้องต้นอาจจะใช้มาตรการปรับเป็นเงิน แบล็กลิสต์ หรือตัดสิทธิ์การเป็นเอเยนต์การบินไทย

“ต่อไปจะทำเคพีไอเอเยนต์ขายตั๋วของการบินไทย หากขายตั๋วได้ต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด และนำตั๋วมาคืนอาจจะต้องถูกปรับ หรือ ถูกแบล็กลิสต์ หรือขั้นร้ายแรงตัดสิทธิ์การเข้าร่วมเป็นเอเยนต์ เพื่อปรับให้การขายตั๋วผ่านเอเยนต์มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งต้องเร่งส่งเสริมการขายตั๋วผ่านออนไลน์และแอพพลิเคชั่นของการบินไทยให้มากขึ้นด้วย เพราะปัจจุบันมีสัดส่วนเพียง 25% เท่านั้น”

นายถาวรกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังขอให้สายการบินไทยสมายล์ไปทบทวนบทบาทสายการบินตัวเองใหม่ให้มีความชัดเจน ซึ่งในความเห็นส่วนตัวมองว่าควรปรับให้เป็นสายการบินต้นทุนต่ำหรือโลว์คอสต์ไปเลยจากปัจจุบันที่เป็นสายการ Light Premium ซึ่งเป็นสายการบินระดับกลางที่อยู่ตรงกลางระหว่างสายการบินพรีเมียม และสายการบินโลว์คอสต์ เนื่องจากเมื่อวิเคราะห์แล้วจะเห็นว่าจำนวนที่นั่งก็ไม่ได้แตกต่างจากโลว์คอสต์ แต่มีการขายตั๋วที่แพงกว่าโลว์คอสต์มาก จึงทำให้ไม่สามารถแข่งขันกับโลว์คอสต์ได้ ทั้งนี้ หากปรับเป็นโลว์คอสต์แล้วอาจจะต้องปรับลดการให้บริการลงบางส่วนเพื่อให้สอดคล้องกับราคาตั๋วโลว์คอสต์ที่จะถูกลง ซึ่งจาการสำรวจพบว่าผู้โดยสารที่ใช้บริการสายการบินโลว์คอสต์เป็นการเดินทางระยะสั้นที่ไม่ต้องการการบริการมากนัก

นายถาวร กล่าวต่อถึงแผนการจัดหาเครื่องบิน 38 ลำ วงเงิน 1.5 แสนล้านบาท ว่า จากการหารือร่วมกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจแห่งชาติ (สศช.) พบว่าการบินไทยยังมีความจำเป็นที่ต้องจัดซื้อ เพราะต้องเพิ่มความสามารถในการแข่งขันกับคู่แข่ง แม้ว่าการบินไทยจะอยู่ในภาวะขาดทุน เนื่องจากผู้โดยสารนิยมเลือกนั่งเครื่องใหม่ เพราะสะดวกสบายและคุ้มค่าเงินมากกว่า หากแข่งขันไม่ได้การบินไทยจะยิ่งขาดทุนมากขึ้นอีก ส่วนที่มาแหล่งเงิน ตนมองว่าควรจะใช้รูปแบบการเพิ่มทุนจะเหมาะสมกว่า แต่ต้องดูไม่ให้ส่งผลกระทบต่อฐานะการเงินของประเทศ ส่วนรูปแบบการกู้เงินคงเป็นไปได้ยาก เนื่องจากปัจจุบันการบินไทยมีภาวะการขาดทุน ส่วนเครื่องบินแอร์บัส เอ 340-500 เอ 340-600 ของการบินไทยที่ปัจจุบันจอดอยู่จำนวน 5 ลำ ซึ่งตามแผนเตรียมนำออกขายนั้น ตนมองว่าการบินไทยควรนำเครื่องบินมาปรับปรุงใหม่และนำมาใช้บินในเส้นทางยุโรป แทนการจอดเฉยหรือการขายอาจจะสร้างความคุ้มค่าให้การบินไทยมากกว่า

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน