‘บล.ทิสโก้’จับสัญญาณ หวั่นเศรษฐกิจโลกถดถอย

‘บล.ทิสโก้’จับสัญญาณ หวั่นเศรษฐกิจโลกถดถอย – สถานการณ์เศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลก กำลังถูกจับตาอย่างมากว่ากำลังจะไปในทิศทางไหน ท่ามกลางสถานการณ์สงครามการค้าสหรัฐ-จีน และผลด้านลบในภูมิภาคต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องตลาดทุน และตลาดเงิน

นายวิวัฒน์ เตชะพูลผล รองกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ทางเทคนิค บล.ทิสโก้ วิเคราะห์ถึงตลาดหุ้นไทยว่า ขณะนี้อยู่ใกล้กับแนวรับที่ประเมินไว้สำหรับภาวะหุ้นไทยในเดือนส.ค. โดยให้แนวรับที่ 1,640-1,660 จุด และมีแนวต้านที่ 1,710-1,730 จุด

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ตลาดในขณะนี้นักลงทุนส่วนใหญ่ยังไม่ตัดสินใจเข้าซื้อหุ้น เนื่องจากกังวลปัญหาสงครามการค้า ที่สหรัฐจะจัดเก็บภาษีนำเข้าจากจีนเพิ่มขึ้นอีก 10% วงเงิน 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ในวันที่ 1 ก.ย.นี้

“หากประกาศใช้จริงจะส่งผลลบอย่างมากต่อเศรษฐกิจและตลาดหุ้นทั่วโลก ประกอบกับนักลงทุนคาดว่าผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนไทยจะออกมาลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน”

นอกจากนี้ตลาดหุ้นไทยยังมีปัจจัยลบเรื่องการปรับ น้ำหนักดัชนี MSCI Emerging Market ที่เตรียมเพิ่ม น้ำหนักหุ้นจีน A-Share จาก 5% เป็น 15% ทำให้ต้องปรับลดน้ำหนักหุ้นไทยลง และคาดว่าจะทำให้เงินทุนต่างชาติไหลออกจากหุ้นไทยประมาณ 9,000 ล้านบาท

อย่างไรก็ดีในเดือนส.ค.นี้ บริษัทยังประเมินว่าเงินทุนต่างชาติจะยังคงไหลเข้า หลังจาก ฟิทช์ เรทติ้งส์ และมูดี้ส์ สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือทางเศรษฐกิจ ปรับมุมมองความน่าเชื่อถือประเทศไทยเป็นบวก

ทำให้คาดว่าในช่วงที่เหลือของปีนี้นักลงทุนต่างชาติจะเข้ามาซื้อสุทธิหุ้นไทยอีกประมาณ 50,000 ล้านบาท หลังจากช่วง 6 ปีที่ผ่านมามีสถานะขายสุทธิหุ้นไทยไปกว่า 600,000 ล้านบาท

สำหรับประเด็นที่ควรจับตามองจากนี้ไปจนถึงสิ้นปีคือ เศรษฐกิจทั่วโลกจะเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยหรือไม่ ถึงแม้ว่าขณะนี้ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 1 ครั้งเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่วนปีหน้า นักลงทุนทั่วโลกคาดว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ยลงอีก 2 ครั้ง

การปรับลดดอกเบี้ยลงไม่ได้รับประกันว่าจะช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นเสมอไป เพราะในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา เฟดปรับลดดอกเบี้ยลงไปทั้งสิ้น 9 ครั้ง มีเพียง 4 ครั้ง ที่เศรษฐกิจกลับมาขยายตัวได้ต่อ และอีก 5 ครั้ง เศรษฐกิจกลับชะลอตัวลงและเข้าสู่ภาวะถดถอยในที่สุด

ตัวชี้วัดหนึ่งที่ทำให้นักลงทุนเริ่มกลับมาพูดถึงเศรษฐกิจถดถอยคืออัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีของสหรัฐอยู่ในระดับต่ำกว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ของสหรัฐมากว่า 2 เดือนแล้ว แสดงให้เห็นว่านักลงทุนทั่วโลกเริ่มมองว่าเศรษฐกิจระยะยาวจะมีปัญหา

หากปีหน้าเกิดเศรษฐกิจถดถอยจริง ตัวเลขเศรษฐกิจจะเริ่มโตลดลงอย่างเห็นได้ชัดในไตรมาสที่ 4 ของปี 2563 ขณะที่ตลาดหุ้นทั่วโลกจะเริ่มปรับลดลงตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 ปี 2563

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน