สงคราการค้าหนุน ‘ประภัตร’ ผุดไอเดียเลี้ยงวัวส่งออกจีน – จีนสร้างโรงงานติดชายแดนนลาว ยินดีรับซื้อไม่อั้น เฉลี่ยก.ก.ละ 100 บาท คาดได้ราคาสูงกว่า 45,000 ต่อตัว พร้อมเสนอรัฐสนับสนุนดอกเบี้ยการเลี้ยงโคระยะที่ 3

‘ประภัตร’ผุดไอเดียเลี้ยงวัวขายจีน – นายประภัตร โพธสุธน รมช.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังการเข้าพบของนาย โทนี่ วู ผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ บริษัท Jinghong Chengkang Agricultural Food Development Co., Ltd. ของจีน ว่า จากสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกา และจีน ส่งผลให้จีนปฏิเสธการนำเข้าเนื้อวัวจากสหรัฐอเมริกา และออสเตรเลีย ซึ่งเป็นผู้ค้าเนื้อรายใหญ่ ขณะที่จีนมีความต้องการเนื้อมากถึง 9 ล้านตันต่อปี หรือ 30 ล้านตัวต่อปี อีกทั้งจีนต้องการปราบปรามการลักลอบนำเข้าเนื้อตามแนวชายแดน ที่ส่วนใหญ่มาจาก สปป.ลาว กัมพูชา เมียนมา อินเดียและไทย

ดังนั้นจึงลงทุนสร้างโรงชำแหละโคเนื้อที่เมือง ยูนนาน ชายแดนที่ติดกับลาว โดยอนุญาตให้นำเข้าโคเนื้อจากลาวได้เพียงประเทศเดียวเท่านั้น แต่ลาวสามารถนำเข้าโคเนื้อได้จากทุกประเทศ ภายใต้เงื่อนไขต้องเป็นโคที่มีชีวิต และนำมาพักไว้ที่ลาวอย่างน้อย 3 เดือนเพื่อกักกันโรค ก่อนส่งต่อเข้าโรงชำแหละดังกล่าว

โครงการนี้จึงเป็นโอกาสของโคเนื้อไทยที่จะส่งออกไปยังลาวเพื่อส่งต่อให้โรงงานนี้ ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลไทยได้ส่งเสริมการเลี้ยงโคเนื้อไปแล้ว 2 ระยะ มีความพร้อมที่จะส่งออกได้ทันที โดยกรมปศุสัตว์รับปากจะดำเนินการให้ทันภายในเดือนต.ค.นี้ ที่โรงงานแห่งแรกจะแล้วเสร็จ จำนวน 10,000 ตัว มูลค่าประมาณ 500 ล้านบาท ราคาเบื้องต้นไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 100 บาท น้ำหนักเป็นโครุ่น อายุ 2 ปีครึ่ง น้ำหนักเฉลี่ย 450 ก.ก.ต่อตัว จะส่งผลให้เกษตรกรได้รับรายได้เฉลี่ยที่ 45,000 บาทต่อตัว สูงกว่าเมื่อเทียบกับราคาซื้อ-ขายในประเทศที่อัตรา 70 บาทต่อก.ก.

“หลังจากมีปัญหาสงครามทางการค้าเกิดขึ้น จีนเริ่มเห็นความสำคัญกับประเทศเพื่อนบ้านและเลือกที่จะให้ประโยชน์กับแต่ละประเทศตามศักยภาพของประเทศนั้นๆ เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น อย่าง สปป.ลาวก็ได้เรื่องโคเนื้อ ไทยได้เรื่องไก่ เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดเป็นโอกาสทางการค้าได้ทั้งนั้นและสะท้อนต่อรายได้เกษตรกรไทย”

นายประภัตร กล่าวว่า หลังจากนี้จะเสนอรัฐบาลให้สนับสนุนการเลี้ยงโคเนื้อระยะที่ 3 โดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) พร้อมสนับสนุนสินเชื่อ กว่า 10,000 ล้านบาท แต่รัฐบาลต้องสนับสนุนอัตราดอกเบี้ยต่ำ คาดว่าจะใช้งบประมาณเพื่อสนับสนุนอย่างน้อย 500 ล้านบาท หากรัฐบาลเห็นชอบกับโครงการนี้ กรมปศุสัตว์จะเตรียมแผนซื้อ-ขายโคเนื้อกับจีนในลักษณะดังกล่าวทันที รวมทั้งต้องกำหนดเงื่อนไขระยะเวลาการรับซื้อ 5-10 ปี เป็นต้น เพื่อให้เกษตรกรมีตลาดรองรับที่ชัดเจน

“เป้าหมายของผมที่เข้ามารับตำแหน่งรมช.เกษตร นั้นกำหนดเป้าหมายไว้ว่าภายใน 90-120 วัน เกษตรกรทุกคนต้องมีรายได้ ดังนั้นอะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้เกษตรกรมีรายได้จะทำรวมทั้งการปลูกหญ้าเนเปียด้วย ที่สามารถนำไปใช่เป็นเชื้อเพลิงการผลิตไฟฟ้าชีวมวล และยังส่งออกเป็นอาหารสัตว์ได้ด้วย”

นายโทนี่ วู กล่าวว่า โครงการซื้อโคเนื้อจากลาวนี้จะมีทั้งหมด 4 โรงงาน กำลังการผลิต 2 ล้านตัวต่อปี ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้างคาดว่าจะเปิดชำแหละโคเนื้อได้ในเดือนต.ค.นี้ 1 แห่ง ขนาดกำลังการผลิต 5 แสนตัว หลังจากนั้นโรงงานแห่งที่ 2 จะแล้วเสร็จในปลายปีนี้ และแห่งที่ 3-4 จะแล้วเสร็จในปี 2563 ดังนั้นจึงพร้อมรับซื้อโคเนื้อจากไทยอย่างไม่อั้น อย่างไรก็ตามยังมีความกังวลเรื่องการขนส่งโคจากไทยไปลาวที่ยังมีปัญหา และอยากให้ทั้ง 2 ประเทศเร่งแก้ไขเพื่อผลประโยชน์ของทั้ง 2 ฝ่าย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน