ส่งออกมังคุดพุ่งสวนกระแสการค้าชะลอตัว ครึ่งปีแรกทะลุ 300 ล้านเหรียญชี้ตลาดจีนและอาเซียนขยายตัวสูงสุด – ดันไทยขึ้นแท่นผู้ส่งออกอันดับต้นของโลก พาณิชย์เตือนชาวสวนรักษามาตรฐานคุณภาพผลผลิต

ส่งออกมังคุดพุ่งสวนกระแส – นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ (จร.) เปิดเผยว่า มังคุดไทยได้รับความนิยมและเป็นที่รู้จักในฐานะราชินีแห่งผลไม้ ประกอบกับการเปิดเขตเสรีการค้า หรือ เอฟทีเอ 13 ฉบับ ที่ส่งผลให้ในปัจจุบันมี 14 ประเทศ ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สิงคโปร์ อินโดนีเซีย บรูไน ฟิลิปปินส์ เวียดนาม เมียนมา อินเดีย ชิลี เปรู และฮ่องกง ยกเลิกการเก็บภาษีนำเข้ามังคุดจากไทยแล้วนั้น ทำให้ไทยเป็นผู้ส่งออกสินค้ามังคุดอันดับต้นของโลก โดยในปี 2561 ไทยส่งออกมังคุดไปตลาดโลกถึง 226.4 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวกว่าปี 2560 ถึง 3.32%

ทั้งนี้ แม้ว่าสถานการณ์การส่งออกของเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัว แต่ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2562 ไทยส่งออกมังคุดได้สูงถึง 325 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปี 2561 ถึง 220% ซึ่งมีตลาดส่งออกหลัก ได้แก่ จีนและอาเซียน ซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดรวมกันถึง 97% โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 2562 ไทยส่งออกมังคุดไปจีนมูลค่า 229.4 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปี 2561 ถึง 408% ส่วนแบ่งตลาด 71% สำหรับอาเซียน ไทยส่งออกมังคุดมูลค่า 84.2 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปี 2561 ถึง 46% ส่วนแบ่งตลาด 26%

อรมน ทรัพย์ทวีธรรม

นางอรมน กล่าวอีกว่า เอฟทีเอนับเป็นปัจจัยสำคัญช่วยให้การส่งออกขยายตัว เมื่อเปรียบเทียบสถิติมูลค่าการส่งออกมังคุดไทยสู่ตลาดโลกในปี 2561 กับปี 2535 ซึ่งเป็นปีก่อนที่ความตกลงเอฟทีเอฉบับแรกของไทยกับอาเซียนจะมีผลบังคับใช้ พบว่ามูลค่าการส่งออกมังคุดเพิ่มสูงขึ้นถึง 22,540% หากแยกรายตลาดพบว่าการส่งออกมังคุดไทยไปยังประเทศคู่เอฟทีเอมีอัตราการเติบโตสูงขึ้นเกือบทุกตลาด โดยเฉพาะจีนขยายตัว 34,667% เมื่อเทียบกับปี 2545 ก่อนที่จีนยกเลิกการเก็บภาษีนำเข้ามังคุดจากไทยภายใต้ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน อาเซียน ขยายตัว 11,420% เมื่อเทียบกับปี 2535 ก่อนที่สมาชิกอาเซียนจะลดภาษีนำเข้ามังคุดจากไทยภายใต้ความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน เกาหลีใต้ ขยายตัว 2,400% เมื่อเทียบกับปี 2552 ก่อนการลดภาษีภายใต้ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-เกาหลีใต้ ซึ่งสอดคล้องกับสถิติในปี 2561 ที่มังคุดเป็นหนึ่งในสินค้าที่ผู้ประกอบการไทยขอใช้สิทธิประโยชน์จากเอฟทีเอในการส่งออกเป็นอันดับต้น

“เพื่อผลักดันให้มังคุดและผลไม้ไทยครองใจผู้บริโภค เกษตรกรควรรักษามาตรฐานสินค้าให้สอดคล้องกับหลักการสากลด้านมาตรฐานสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช พัฒนาคุณภาพการผลิตตามความต้องการของตลาด ซึ่งปัจจุบันนิยมผลไม้ปลอดสารพิษหรือเกษตรอินทรีย์เพิ่มขึ้น รวมทั้งสร้างเอกลักษณ์ด้วยการขึ้นทะเบียนเป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) สร้างตราสินค้าหรือแบรนด์ของตนเอง เพื่อสร้างความแตกต่างจากผลไม้ของประเทศอื่น และปรับตัวเข้าสู่การค้ายุคใหม่โดยสร้างองค์ความรู้ด้านต่างๆ เช่น การตลาดในต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยยกระดับสินค้าและสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค ซึ่งจะสามารถครองตลาดและสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าผลไม้ไทยได้” นางอรมน กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน