‘บิ๊กตู่’ กล่อมเอกชนเกาหลีกว่า 100 บริษัท ปักหมุดไทย ตั้งเป้าปีหน้ามูลค่าการค้าแตะ 2 หมื่นล้านเหรียญ ‘มุน แช อิน’ หยอดคำหวานไทยและเกาหลีเป็นเพื่อนแท้ต่อกัน

‘บิ๊กตู่’กล่อมเกาหลีลงทุนไทย – พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษในงาน “ไทยแลนด์-เกาหลี บิสสิเนส ฟอรัม : Thai-Korea Business Forum” จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ ว่า ประเทศเกาหลีเป็นประเทศเป้าหมายที่ไทยจะดึงดูดการค้าการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย ปัจจุบันมีบริษัทเอกชนของเกาหลีเข้ามาลงทุนในไทยกว่า 400 บริษัท ซึ่งการหารือร่วมกันครั้งนี้ถือเป็นสัญญาณชัดเจนว่าเกาหลีให้ความสำคัญกับไทยในฐานะหุ้นส่วนเศรษฐกิจและการลงทุน มีความพร้อมร่วมกันลงทุนด้านเทคโนโลยีและอุตสาหกรรม

ซึ่งเบื้องต้นให้มอบหมายให้บีโอไอและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งดำเนินการให้มีความร่วมมือเกิดผลสัมฤทธิ์เป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด โดยปี 2563 ไทยหวังว่าเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างไทย-เกาหลีขึ้นจาก 1.4-1.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เป็น 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เป็นเป้าหมายที่ท้าทาย อีกทั้งรัฐบาลจะเร่งพัฒนาบุคลากร เตรียมความพร้อมด้านแรงงานที่มีทักษะความรู้ที่เชี่ยวชาญเฉพาะด้านในอุตสาหกรรมที่ไม่เคยมีมาก่อน และพัฒนาต่อยอดบุคลากรในอุตสาหกรรมเดิม รองรับการลงทุนในอนาคต

โดยอาศัยจุดแข็งที่ไทยมีความได้เปรียบเรื่องทำเลที่ตั้ง สามารถเชื่อมโยงไปยังประเทศเพื่อนบ้านและภูมิภาค มีโครงสร้างพื้นฐานครบวงจร มีนโยบายผลักดันสู่ไทยแลนด์ 4.0 และต่อยอดไทยแลนด์ พลัส 1 มีกฎหมายและกติการองรับการลงทุนชัดเจน สะท้อนศักยภาพไทยมีความพร้อมเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคนี้ และใช้จุดแข็งที่เกาหลีมีเข้ามาลงทุนในไทยในโอกาสที่ไทยประกาศให้ปีนี้เป็นปีแห่งการลงทุน

นายมุน แช อิน ประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลี กล่าวว่า ทั้ง 2 ประเทศจะร่วมมือกัน 3 ประการ คือ การปฏิวัติอุตสาหกรรมสู่อุตสาหกรรม 4.0 ผลักดัน 12 อุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น ยานยนต์สมัยใหม่ ไบโอชีวภาพ และเครื่องมือการแพทย์สมัยใหม่ 2. สร้างความร่วมมือสนับสนุนผู้ประกอบการรายใหม่ (สตาร์ตอัพ) ต่อยอดนโยบายของไทยที่ปัจจุบันผลักดันสตาร์ตอัพให้เพิ่มขึ้นได้ 30%

3. จะทำงานร่วมกันเพื่อการค้าเสรีระหว่างไทย-เกาหลี ตามนโยบายของประเทศที่เปิดกว้างด้านอุตสาหกรรมที่มีพื้นฐานจากสินค้าเกษตรกรรม โดยหวังเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างเกาหลี-ไทย จากปัจจุบัน 1.4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ มีแรงงานไทยในเกาหลี 80,000 คน และมีแรงงานเกาหลีในไทย 20,000 คน อย่างไรก็ตาม ในเดือนพ.ย.นี้ จะมีการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่เกาหลี เพื่อเปิดโอกาสการสร้างความร่วมมือด้านต่างๆ

“มิตรภาพของไทยและเกาหลี เหมือนสุภาษิตไทยคำหนึ่งที่ว่า เพื่อนแท้เหมือนทองคำที่ไม่เปลี่ยนแปลง เพราะไทยและเกาหลีเป็นเพื่อนแท้ต่อกัน มีการช่วยเหลือและร่วมมือกันมานาน มิตรภาพนี้จะยั่งยืนต่อไปไม่เปลี่ยนแปลง”ประธานาธิบดี กล่าว

น.ส.ดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการบีโอไอ กล่าวว่า ไทยมีจุดแข็ง 8 ประการ คือ 1. ไทยเป็นจุดยุทธศาสตร์ของการลงทุนในภูมิภาคอาเซียน 2. ไทยมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทั้งรถไฟความเร็วสูง ท่าเรือ สนามบินที่เชื่อมโยงภูมิภาค โดยปี 2562-2567 ไทยตั้งเป้าหมายมีมูลค่าลงทุนโครงสร้างพื้นฐานประมาณ 6.4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ 3. มีโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ดึงดูดการลงทุนภูมิภาค 3. ไทยมีอุตสาหกรรมรับช่วงการผลิตที่เข้มแข็ง อาทิ ในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่มีผู้เล่นกว่า 2,000 บริษัท อิเล็กทรอนิกส์ และปิโตรเคมี เป็นต้น 4.การรองรับตลาดในประเทศที่มีขนาดใหญ่ตอบโจทย์ประชาชน 75% ของประชากรไทยรวมประมาณ 67 ล้านคน ที่มีพฤติกรรมการใช้โซเชี่ยลมากขึ้น

5. การส่งเสริมสตาร์ตอัพที่เข้มแข็ง 6. การมีต้นทุนและความเป็นอยู่ที่ดี 7. การพัฒนาทักษะบุคลาการที่มีคุณภาพเพื่อผลิตคนให้คนกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรม และ 8. ภาครัฐมีนโยบายที่อำนวยความสะดวกและมีบรรยากาศที่เอื้อต่อการลงทุน โดยบีโอไอมีการแก้กฎหมายที่เอื้อต่อการลงทุนมากขึ้น เช่น สิทธิประโยชน์การยกเว้นอากร สินค้าและวัตถุดิบที่นำมาใช้ในงานวิจัยและพัฒนามากขึ้นสามารถดึงการลงทุน อีกทั้งปีนี้โครงการลงทุนที่มีมูลค่า 1,000 ล้านบาทขึ้นไป จะได้รับสิทธิประโยชน์พื้นฐานและได้รับยกเว้นภาษี 50% อีก 3 ปี เป็นต้น

นายปาค ยง มัน ประธานหอการค้าและอุตสาหกรรมสาธารณรัฐเกาหลี กล่าวว่า มีนักธุรกิจเข้าร่วมงานกว่า 600 คน หรือ 100 กว่าบริษัท มีความสำคัญอย่างมากต่อเกาหลี เหมือนได้เปิดขอบฟ้าความร่วมมือแบบทวิภาคี ซึ่งหอการค้าฯ เกาหลีจะร่วมกับบีโอไอส่งเสริมการลงทุนระหว่างไทย-เกาหลี อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเป้าหมาย อาทิ ยานยนต์ หุ่นยนต์ และอิเล็กทรอนิกส์

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน