คณะกรรมการน้ำแห่งชาติ เคาะอีก 3 โครงการใหญ่ 1.8 หมื่นล้าน ก่อนชงครม.อนุมัติ เผยปี’63 มีโครงการบูรณาการ 28 หน่วยงานร่วมกับเคลื่อนกว่า 57,975 โครงการ 3.1 แสนล้าน

เคาะ1.8หมื่นล.แก้วิกฤตน้ำ – พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการอำนวยการด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ และการประชุมคณะกรรมการน้ำแห่งชาติ (กนช.) ว่า กนช. เห็นชอบกรอบโครงสร้างการจัดตั้งศูนย์บัญชาการเฉพาะกิจและกองอำนวยการศูนย์อำนวยการน้ำแห่งชาติ (วอร์รูม) เพื่ออำนวยการแก้ไขปัญหาวิกฤตน้ำและบูรณาการการปฏิบัติงานร่วมกับหน่วยงานทุกภาคส่วนเพื่อบริหารจัดการมวลน้ำได้อย่างเป็นระบบ สอดคล้องกับพ.ร.บ. ทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2561

ประกอบด้วย 1. ศูนย์บัญชาการเฉพาะกิจ มีนายกรัฐมนตรีเป็นผู้บัญชาการ รองนายกรัฐมนตรีเป็นรองผู้บัญชาการ และเลขาธิการสทนช. เป็นกรรมการและเลขานุการ มีอำนาจหน้าที่ควบคุม สั่งการ บัญชาการ และอำนวยการแก้ไขวิกฤตน้ำ โดยบัญชาการร่วมกับกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บกปภ.ช.) ในกรณีที่เป็นสาธารณภัยด้านทรัพยากรน้ำหรือวิกฤตน้ำ

2. กองอำนวยการศูนย์อำนวยการน้ำแห่งชาติ มีรองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เลขาธิการสทนช. เป็นรองประธาน และรองเลขาธิการ สทนช. เป็นกรรมการและเลขานุการ มีอำนาจหน้าที่อำนวยการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ติดตาม วิเคราะห์แนวโน้ม ควบคุม กำกับ ดูแล และสรุปข้อมูลประกอบการตัดสินใจของศูนย์บัญชาการเฉพาะกิจ และบูรณาการบริหารจัดการวิกฤตน้ำ

ด้านนายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวว่า กนช. เห็นชอบ 3 โครงการขนาดใหญ่วงเงินกว่า 18,000 ล้านบาท ประกอบด้วย 1. โครงการก่อสร้างเพื่อการพัฒนา ปี 2561 ของการประปาส่วนภูมิภาคจำนวน 6 โครงการ วงเงินงบประมาณ 11,000 ล้านบาท ซึ่งเมื่อก่อสร้างเสร็จสิ้นจะสามารถผลิตน้ำประปาได้เพิ่มขึ้น 332,400 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน

2. โครงการก่อสร้างอุโมงค์ระบายน้ำคลองพระยาราชมนตรี จากคลองภาษีเจริญถึงคลองสนามชัย ระยะเวลาดำเนินการ 5 ปี (ปี 2564-68) วงเงิน 6,130 ล้านบาท เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำพื้นที่ฝั่งธนบุรี และ 3. โครงการแก้ปัญหาอุทกภัยลุ่มน้ำเพชรบุรีตอนล่าง ซึ่งจะเป็นการเพิ่มศักยภาพคลองระบายน้ำ D1 จากแม่น้ำเพชรบุรีลงสู่อ่าวไทยได้เร็วขึ้น ระยะเวลาดำเนินการ 5 ปี (ปี 2564-68) ก่อนจะเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบต่อไป

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังพิจารณาแผนปฏิบัติการภายใต้แผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ประจำปี 2563 ประกอบด้วย 28 หน่วยงาน จำนวน 57,975 โครงการ วงเงินกว่า 3.1 แสนล้านบาท ที่กระจายลงทุกภาคทั่วประเทศ และรับทราบความคืบหน้าโครงการสำคัญปี 2562 ที่รัฐบาลใช้งบกลางกว่า 19,000 ล้านบาท เพิ่มแหล่งกักเก็บน้ำและเพิ่มต้นทุนน้ำ จำนวน 144 โครงการ โครงการก่อสร้างฝายชะลอน้ำ 30,000 แห่งทั่วประเทศ รวมทั้งงบประมาณที่กระจายให้ทุกจังหวัดแก้ไขและบรรเทาปัญหาภัยแล้งและอุทกภัย

สำหรับปริมาณน้ำ ณ วันที่ 1 พ.ย. 2562 ทั่วประเทศมีจะมีน้ำใช้รวมอยู่ที่ 39,302 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) แบ่งเป็นในเขตชลประทาน 26,645 ล้านลบ.ม. นอกเขตชลประทาน 11,234 ล้านลบ.ม. โดยคาดการณ์การจัดสรรน้ำทั้งประเทศ 26,645 ล้านลบ.ม. สำหรับ 4 กิจกรรมหลัก 1. อุปโภค-บริโภค 2,703 ล้านลบ.ม. (10%) 2. รักษาระบบนิเวศ 7,161 ล้านลบ.ม. (27%) 3. เกษตรกรรม 16,223 ล้านลบ.ม. (61%) และ 4. ภาคอุตสาหกรรม 558 ล้านลบ.ม. (2%)

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน