คลังผวา! บาทแข็งโป๊กหลังเฟดลดดอกเบี้ยหวั่นซัดส่งออกสาหัสเข้าไปอีก ลุ้น กนง. ติดตามสถานการณ์ ตัดสินใจให้เหมาะสม – ชี้เงินบาทแข็งค่าได้แต่ต้องเป็นไปในทิศทางเดียวกับประเทศคู่แข่ง

คลังผวา! บาทแข็งโป๊ก – นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยถึงกรณีที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% มาอยู่ที่ระดับ 1.75-2.00% ว่า เป็นเรื่องที่ตลาดคาดการณ์ไว้อยู่แล้ว และตลาดมองว่าปีนี้เฟดจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก ซึ่งข้อมูลดังกล่าวนี้เป็นเรื่องที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ต้องนำปัจจัยดังกล่าวไปประเมินว่าจะมีผลกระทบกับการขยายตัวของเศรษฐกิจ เสถียรภาพและการเติบโตของเศรษฐกิจไทยได้เต็มศักยภาพอย่างไร

ทั้งนี้ ในส่วนของกระทรวงการคลังยอมรับว่ามีความกังวลว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด จะมีผลทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นอีก ซึ่งจะส่งผลกระทบกับภาคการส่งออกของไทยที่ปัจจุบันไม่ดีอยู่แล้ว ดังนั้นธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ต้องดูแลค่าเงินบาทให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยมองว่าค่าเงินบาทสามารถแข็งค่าขึ้นได้ แต่ต้องเป็นไปในทิศทางเดียวกับประเทศคู่แข่ง

“ทิศทางดอกเบี้ยนโยบายของไทยเป็นหน้าที่ของ กนง. ที่ต้องพิจารณาให้เหมาะสม เพื่อให้เศรษฐกิจขยายตัวได้เต็มศักยภาพ”นายลวรณ กล่าว

นายลวรณ กล่าวอีกว่า ในส่วนผลกระทบของราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นนั้น จะมีผลทำให้เงินเฟ้อปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ปัจจุบันเงินเฟ้อของไทยยังอยู่ในระดับต่ำ ดังนั้นปัจจัยดังกล่าวจะกระทบกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยเล็กน้อย ไม่มาก โดยทั้งปี 2562 สศค. คาดการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกเฉลี่ยสูงกว่าราคาในปัจจุบันอยู่แล้ว จึงไม่เป็นห่วงในเรื่องนี้

นอกจากนี้ ปัญหาเรื่องหนี้ครัวเรือนของไทยในระดับที่ 78% ของจีดีพี เมื่อตัดหนี้ที่เกิดจากการกู้ยืมเพื่อทำธุรกิจ 12-13% ทำให้หนี้ครัวเรือนที่แท้จริงอยู่ที่ระดับ 65% ของจีดีพี ถือว่าไม่ได้สูง และไม่มีความน่าเป็นห่วง เพราะว่าหนี้เสียของหนี้ครัวเรือนอยู่ในระดับ 3% ซึ่งถือเป็นระดับปกติของหนี้เสียในระบบสถาบันการเงิน ไม่ได้มีนัยยะแต่อย่างใด

สำหรับการศึกษาเรื่องการจัดตั้งกองทุนหุ้นยั่งยืน (SEF) ตามที่สภาธุรกิจตลาดทุนไทยเสนอมานั้น อยู่ระหว่างการศึกษาว่ามีความจำเป็นต้องมาทดแทนกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ที่จะหมดอายุในสิ้นปีนี้หรือไม่ เพราะ LTF ได้ทำหน้าที่ในการสร้างตลาดทุนให้เข้มแข็งได้ตามวัตถุประสงค์แล้ว

ด้านนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้เศรษฐกิจโลกไม่ค่อยดี ดังนั้นสิ่งสำคัญที่ไทยจะต้องเร่งดำเนินการ คือการสร้างความเชื่อมั่นภายในประเทศ ส่วนเรื่องอัตราดอกเบี้ยไม่ใช่กลไกที่สำคัญมาก การจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยหรือไม่นั้น อยู่ที่ดุลพินิจของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ต้องพิจารณาให้ดี

สำหรับเงินบาทที่แข็งค่าเพิ่มขึ้นนั้น ต้องยอมรับว่าหลายอย่างมาจากที่ประเทศไทยลงทุนน้อยเกินไป ดังนั้นควรจะถือโอกาสและจังหวะนี้ในการเร่งลงทุนเพื่ออนาคต ก็จะเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่ช่วยทำให้เงินบาทอ่อนค่าลงได้

“เรื่องเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นนั้น ที่ผ่านมา ธปท. ได้ดูแลมาแล้วในระดับหนึ่ง แต่เรื่องนี้ต้องยอมรับว่าไม่ใช่สิ่งที่เราจะทำได้เองตลอด เพราะมีปัจจัยหลายอย่างเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่สิ่งหนึ่งที่ควรให้ความสำคัญคือ ต้องมั่นใจในตัวเอง พื้นฐานเศรษฐกิจของไทยังแข็งแรงมาก ยังสามารถเดินหน้าต่อได้ เราต้องสร้างความแข็งแกร่งจากภายใน ส่วนการลดอัตราดอกเบี้ยนั้น ไม่ใช่ที่สุดของเครื่องมือในการดูแลเศรษฐกิจ ต้องดูปัจจัยหลายอย่างประกอบด้วย” นายสมคิด กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน