ครม. ไฟเขียวร่างพ.ร.ฎ.เวนคืนที่ดิน 850 ไร่ สร้างไฮสปีดเทรนเชื่อม 3 สนามบิน – ส่วนที่ประชุมครม.เศรษฐกิจ จี้คลัง-คมนาคม-ธปท. สรุปราคารถไฟไทย-จีน 2-3 วันก่อน ‘ประยุทธ์’ คุยนายกฯจีน

เวนคืน850ไร่สร้างไฮสปีดเทรน – น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) กำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา อำเภอเมืองชลบุรี อำเภอศรีราชา อำเภอบางละมุง อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี และอำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง เพื่อดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน) เชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-ดอนเมือง-อู่ตะเภา) ซึ่งรวมไปถึงเครื่องประกอบทางรถไฟ ทาง และสิ่งจำเป็นอื่นๆ ตามโครงการดังกล่าว

ทั้งนี้ ที่ดินที่จะเวนคืนนั้น เพื่อก่อสร้างย่านสถานี ทางเข้าออกสถานี ทางรถไฟ และดำเนินกิจการที่เป็นประโยชน์แก่กิจการรถไฟ ตามโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน หรืออยู่ภายใต้วัตถุประสงค์ของการจัดตั้งการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) โดย รฟท. จะเป็นเจ้าหน้าที่ดำเนินการเวนคืนที่ดิน และจะเริ่มการสำรวจภายใน 60 วันนับแต่วันที่ พ.ร.ฎ. ประกาศในราชกิจจานุเบกษา

โดยที่ดินที่จะต้องใช้เพื่อดำเนินการก่อสร้างโครงการถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ทั้งสิ้น 4,421 ไร่ แยกเป็นที่ดินของ รฟท. 3,571 ไร่ พื้นที่ต้องเวนคืน 850 ไร่ ซึ่งในพื้นที่ของ รฟท. นั้นพร้อมส่งมอบ 3,151 ไร่ หรือคิดเป็น 88% ของพื้นที่ทั้งหมด ส่วนที่เหลือมีการบุกรุก ซึ่งจะต้องดำเนินการเคลื่อนย้ายผู้บุกรุกต่อไป

สำหรับระยะเวลาการส่งมอบที่ดินนั้น ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) เมื่อวันที่ 16 ต.ค. 2562 เห็นชอบระยะเวลาการส่งมอบพื้นที่ให้กับเอกชนเพื่อดำเนินโครงการ ซึ่งระยะเวลานี้จะเข้าไปอยู่ในสัญญาแนบท้ายที่ รฟท. ลงกับเอกชน แบ่งออกเป็น 3 ช่วง ช่วงแรกสถานีพญาไท-สุวรรณภูมิ 28 ก.ม. เป็นที่ดินของ รฟท. ส่งมอบได้ทันที ช่วงที่ 2 สถานีสุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา ระยะทาง 170 ก.ม. เร่งรัดให้ส่งมอบพื้นที่ภายใน 1 ปี 3 เดือน หรือไม่เกิน 2 ปี หลังลงนาม และช่วงที่ 3 สถานีพญาไท-ดอนเมือง 22 ก.ม. เร่งรัดพร้อมส่งมอบพื้นที่ภายใน 2 ปี 3 เดือน หรือไม่เกิน 4 ปีหลังลงนาม

ด้านนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขานายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) ที่มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน สั่งการให้ กระทรวงคมนาคม กระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ไปหาข้อสรุปการจัดทำราคาที่ตกลงในสัญญา โครงการรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-หนองคาย ระยะที่ 1 (กรุงเทพฯ-นครราชสีมา) ที่มีความล่าช้าในการก่อสร้าง ว่าควรเป็นเงินสกุลใด ระหว่างเงินดอลลาร์สหรัฐและเงินบาท เพื่อนำข้อสรุปไปหารือกับนายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีของจีน ในวันที่ 5 พ.ย.นี้ ที่ทำเนียบรัฐบาล

“โครงการรถไฟไทย-จีน เป็นการดำเนินการในรูปแบบรัฐต่อรัฐหรือจีทูจี ไทยยังไม่เคยดำเนินการโครงการนี้กับรัฐบาลจีน ขณะที่รัฐบาลจีนแม้มีประสบการณ์ แต่ไม่เคยมีประสบการณ์ในลักษณะของจีทูจีแบบไทยๆ จึงกลายเป็นเรื่องในรายละเอียดที่ต้องมีความชัดเจน และสกุลเงินที่จะกำหนดในสัญญา ที่ผ่านมาได้หารือระดับเจ้าหน้าที่ จึงต้องการให้ระดับนโยบายเป็นผู้ตัดสินใจ คงได้ข้อสรุปใน 2-3 วัน”

นายกอบศักดิ์ กล่าวว่า นายกฯ ของจีน มีกำหนดเดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาลตามคำเชิญของนายกฯ ไทย ในช่วงการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 35 และการประชุมยอดอื่นที่เกี่ยวข้องในวันที่ 2-5 พ.ย.นี้ โดยในวันที่ 5 พ.ย.นี้ นายกฯจีน มีกำหนดการหารือข้อราชการกับพล.อ.ประยุทธ์ ที่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งทั้งพล.อ.ประยุทธ์ และนายหลี่ จะใช้โอกาสนี้ยืนยันความเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์รอบด้านที่ใกล้ชิดระหว่างไทยกับจีน และกำหนดทิศทางพัฒนาความสัมพันธ์ในระยะต่อไป รวมถึงแลกเปลี่ยนความเห็นทั้งในประเด็นภูมิภาคและระหว่างประเทศที่สนใจร่วมกัน ส่วนกรอบวงเงินโครงการที่ คณะรัฐมนตรี เคยเห็นชอบอยู่ที่ 179,412 ล้านบาท

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน