น.ส.บุษยา ประกอบทอง ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอ็น.ซี.ซี. เอ็กซิบิชั่น ออกาไนเซอร์ จำกัด หรือนีโอ เปิดเผยว่า นีโอร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (ทีเส็บ) และผู้ประกอบการธุรกิจสนามกอล์ฟ ผู้ประกอบการสอนดำน้ำ และอุปกรณ์ดำน้ำ เตรียมจัดงาน ไทยแลนด์กอล์ฟแอนด์ไดฟ์ เอ็กซ์โป 2017 มหกรรมท่องเที่ยวเชิงกีฬากอล์ฟ (กอล์ฟ เอ็กซ์โป) และมหกรรมธุรกิจท่องเที่ยวดำน้ำแห่งประเทศไทย (ไทยแลนด์ ไดฟ์ เอ็กซ์โป) ระหว่างวันที่ 11-14 พ.ค.นี้ ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เพื่อเป็นการส่งเสริมตลาดท่องเที่ยวเชิงกีฬาเฉพาะกลุ่ม

โดยงานนี้มีผู้ประกอบการทั้งไทยและต่างประเทศที่มีมาตรฐานการบริการที่มีคุณภาพ เข้าร่วมงานกว่า 250 บูธ ประกอบด้วยโรงเรียนสอนดำน้ำที่ได้มาตรฐาน ซึ่งเป็นทริปดำน้ำทั้งในประเทศและต่างประเทศ อาทิ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ มัลดีฟส์ สิงคโปร์ จีน อินโดนีเซีย เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีรีสอร์ต ที่พัก เรือ ตลอดจน อุปกรณ์ดำน้ำ อุปกรณ์เสริมต่างๆ อาทิ กล้องถ่ายภาพ เข้าร่วมงานนี้ด้วย

ส่วนงานมหกรรมท่องเที่ยวเชิงกีฬากอล์ฟ จะมีผู้ประกอบการสนามกอล์ฟกว่า 50 สนาม ที่พักในสนามกอล์ฟ อุปกรณ์กอล์ฟ เสื้อผ้า รองเท้าและอุปกรณ์เสริม มาร่วมจัดโปรโมชั่นในงานนี้ด้วย โดยคาดว่าทั้ง 2 งาน จะมีผู้เข้าชมงานตลอด 4 วัน ประมาณ 90,000 คน เงินสะพัดจากการใช้จ่ายภายในงานไม่ต่ำกว่า 180 ล้านบาท สูงกว่าการจัดงานในช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีเงินสะพัดประมาณ 160 ล้านบาท

ด้านนายกฤษฎา รัตนพฤกษ์ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออก ททท. กล่าวว่า จากการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับผู้ประกอบการธุรกิจสนามกอล์ฟ พบว่าตลาดมีการเติบโตที่ดี 6% ต่อเนื่องมาตลอดช่วง 3 ปีที่ผ่านมา และความนิยมของนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นชาวจีน เกาหลี และญี่ปุ่น ซึ่งนักกอล์ฟมืออาชีพที่มีชื่อเสียงในเวทีโลกล้วนแล้วแต่เคยเข้ามาใช้สนามบริการสนามกอล์ฟของไทยทั้งสิ้น

ในขณะที่ตลาดท่องเที่ยวดำน้ำ ซึ่งททท.พยายามหาแหล่งดำน้ำใหม่ๆ ในไทย โดยแหล่งดำน้ำที่มีชื่อเสียงส่วนใหญ่อยู่ในฝั่งอันดามันตะวันออก แถวเกาะช้าง ส่วนฝั่งอ่าวไทย แถวหมู่เกาะอ่างทอง จ.สุราษฏร์ธานี และชุมพร โดยเฉพาะพบว่ามีต่างชาตินิยมเข้ามาดำน้ำในไทยมากขึ้นด้วยเช่นกัน ซึ่งการเพิ่มขึ้นของผู้ประกอบการดำน้ำที่มีคุณภาพทั้งผู้ประกอบการไทยและต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นก็มีส่วนสำคัญที่ทำให้ตลาดท่องเที่ยวดำน้ำเติบโตขึ้นด้วยเช่นกัน

ขณะที่นางจารุวรรณ สุวรรณศาสน์ ผู้อำนวยการฝ่ายอุตสาหกรรมการแสดงสินค้านานาชาติ ทีเส็บ กล่าวว่า สำหรับธุรกิจท่องเที่ยวดำน้ำของไทยสร้างรายได้ให้ประเทศเป็นจำนวนมาก โดยในแต่ละปีจะมีชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาเรียนดำน้ำในไทยมากกว่าแสนคนต่อปี และมีจำนวนผู้ประกอบการและผู้เข้าชมงานจากต่างประเทศเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ด้วยปริมาณนักท่องเที่ยวดำน้ำจากทั้งในประเทศและต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นนี้ สามารถสร้างโอกาสการทางธุรกิจให้ประเทศไทยเป็นฐานที่สำคัญสำหรับผู้ประกอบการธุรกิจดำน้ำ ผู้ผลิต ผู้จำหน่าย และผู้ซื้อในภูมิภาคต่อไป

โดยในภาพรวมของอุตสาหกรรมงานแสดงสินค้านานาชาติ (ไมซ์) ของไทย ในปี 2559 พบว่ามีนักเดินทางกลุ่มไมซ์ประมาณ 180,480 คน สร้างรายได้ให้กับประเทศไทย 15,686 ล้านบาท และในปี 2560 คาดว่าจะมีนักเดินทางกลุ่มไมซ์สำหรับงานแสดงสินค้านานาชาติประมาณ 208,000 คน สร้างรายได้ให้กับประเทศประมาณ 18,000 ล้านบาท

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน