‘SMEsโปรดี บัญชีเดียว’ ‘สรรพากร’จูงใจเข้าระบบ : รายงานพิเศษ

โหมโปรโมตหนักๆ มาตั้งแต่ปีที่แล้ว กับการจูงใจให้เอสเอ็มอี หรือผู้ประกอบการรายย่อยและรายกลาง เข้าสู่ระบบภาษีแบบบัญชีเดียว

จากแต่เดิมพ่อค้าแม่ค้ารายย่อย หรือรายกลางส่วนใหญ่มักจะทำบัญชี 2 แบบ เพื่อหลีกเลี่ยงภาษี

ขณะเดียวกันกลุ่มเอสเอ็มอีที่ทำแบบนี้ก็ยากที่จะเติบโตเป็นบริษัทใหญ่มากขึ้น

เมื่อเข้าสู่ปี 2563 กรมสรรพากรจึงต้องเพิ่มแรงจูงใจมากขึ้น

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า กรมสรรพากรร่วมกับสถาบันการเงิน 20 แห่ง ลงนามในบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอี (เอสเอ็มอี) ให้จัดทำบัญชีชุดเดียวและงบการเงินให้ถูกต้อง สอดคล้องกับสภาพที่แท้จริงของกิจการ ซึ่งเป็นโครงการต่อเนื่อง จากมาตรการ ‘SMEs บัญชีชุดเดียว’

รายงานพิเศษ

เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ

เป็นการยกระดับความร่วมมือครั้งสำคัญของหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อเพิ่มโอกาสให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ที่จัดทำงบการเงินที่ถูกต้องให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น ช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันทางธุรกิจแก่ผู้ประกอบการ

การสนับสนุนให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีจัดทำบัญชีชุดเดียว และงบการเงินให้ถูกต้องและสอดคล้องกับสภาพที่แท้จริงของกิจการให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น จะมีส่วนสำคัญในการยกระดับ ศักยภาพในการแข่งขันของผู้ประกอบการ SMEs ไทย ซึ่งจะมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป

นายรักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) กล่าวว่า การลงนามบันทึกข้อตกลงครั้งนี้ บสย. มีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ที่เข้าร่วมโครงการสามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น

รายงานพิเศษ

รักษ์ วรกิจโภคาทร

นำมาซึ่งประโยชน์สูงสุดต่อการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างมั่นคงและยั่งยืน ภายใต้ความร่วมมือระหว่างกรมสรรพากร ธนาคาร และ บสย. จะร่วมกันเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจและร่วมกันส่งเสริมสนับสนุนให้ผู้ ประกอบการเอสเอ็มอีตระหนัก โดยให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจสมัยใหม่ จัดทำบัญชีและงบการเงินให้ถูกต้องสอดคล้องกับสภาพที่แท้จริงของกิจการ

บสย. สนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการกับกรมสรรพากร ด้วยการมอบสิทธิประโยชน์ ยกเว้นค่าธรรมเนียมค้ำประกันสินเชื่อ 2 ปี และยกเว้นค่าธรรมเนียมการจัดการตลอดปี 2563 ภายใต้เงื่อนไขที่ บสย. กำหนด สำหรับผู้ที่ขอสินเชื่อจากธนาคารพันธมิตรทุกแห่ง

ด้าน นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี มีบทบาทสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยตัวเลขประมาณการจีดีพี ของเอสเอ็มอีปี 2562 เติบโต 3.5% ซึ่งมากกว่าจีดีพีของประเทศที่เติบโต 2.5%

แต่ธุรกิจเอสเอ็มอีกลับติดหล่มไม่สามารถเติบโตได้อย่างที่ควรจะเป็น สาเหตุหนึ่งมาจากการมีงบการเงินหลายเล่ม ไม่สามารถนำงบการเงินมาวิเคราะห์สภาพคล่อง และยังเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เอสเอ็มอี เข้าถึงแหล่งเงินทุนยาก

เนื่องจากงบการเงินที่นำมาแสดงไม่สามารถสะท้อนศักยภาพของธุรกิจ จึงส่งผลต่อการพิจารณาสินเชื่อของสถาบันการเงิน

“สมาคมธนาคารไทยต้องการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี มีความเข้าใจ ตระหนักถึงความสำคัญ และหันมาทำบัญชีเพียงเล่มเดียว จึงร่วมมือกับกรมสรรพากรและสถาบันการเงินทั้ง 20 แห่ง เสนอสินเชื่อดอกเบี้ยอัตราพิเศษ ทั้งนี้ผู้ประกอบการสามารถติดต่อขอสินเชื่อกับธนาคารที่สะดวกได้ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2563”

ส่วนธนาคารรัฐ ร่วมสนับสนุนนโยบายนี้เต็มที่

นางพิกุล ศรีมหันต์ รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอี ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ไทยพาณิชย์ เล็งเห็นประโยชน์ที่จะมีต่อผู้ประกอบการ เอสเอ็มอีในการจัดทำงบการเงินที่สอดคล้องกับสภาพธุรกิจจริง จึงพร้อมให้ความร่วมมือและสนับสนุนนโยบายภาครัฐ

รายงานพิเศษ

พิกุล ศรีมหันต์

จึงจัดแคมเปญพิเศษด้วยวงเงินกู้สำหรับสินเชื่อเงินทุนหมุนเวียนประเภทเงินกู้เบิกเกินบัญชี (O/D) และเงินกู้ ตั๋วสัญญาใช้เงิน (P/N) สูงสุด 50 ล้านบาท ไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน

พร้อมมอบสิทธิพิเศษจากมณีฟรีโซลูชั่น ประกอบด้วย ฟรีค่าธรรมเนียมการโอน-จ่าย สามารถโอนเงินต่างธนาคารโดยไม่จำกัด ยอดเงินสูงสุด ฟรีค่าบริการรับฝากเช็คข้ามเขต พร้อมรับดอกเบี้ยพิเศษสำหรับการฝากเงินบัญชีเดินสะพัด

ทั้งร่วมมือกับพันธมิตรทางด้านดิจิตอลมอบโซลูชั่นสำหรับระบบบริหาร และจัดการเอกสารและระบบบันทึกบัญชีออนไลน์ฟรี 1 ปี มูลค่า 8,000 บาท และส่วนลด 5,000 บาท สำหรับการจัดทำบัญชี

“ปัจจุบันผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเริ่มตื่นตัวกับการจัดทำบัญชีชุดเดียวมากยิ่งขึ้น ด้วยมองเห็นประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ทั้งการได้รับสิทธิพิเศษทางภาษี การเพิ่มโอกาสในการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน ตลอดจนเพื่อการบริหารจัดการและการวางแผนธุรกิจที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น”

นางพิกุลกล่าวและว่า ปีนี้คาดว่าจะมีผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเข้าร่วมแคมเปญกับธนาคาร เพื่อรับสิทธิพิเศษเป็นจำนวนมาก

ด้าน นายวีระพงศ์ ศุภเศรษฐ์ศักดิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจขนาดกลาง ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า ออกผลิตภัณฑ์ ‘สินเชื่อ SME โปรดี บัญชีเดียว’ สำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีจำนวนกว่า 24,000 ราย ที่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาของกรมสรรพากร ซึ่งได้ลงทะเบียนยกเว้นเบี้ยปรับเงินเพิ่มฯ และได้ปรับปรุงงบการเงินแบบ ภงด. 50 และแบบอื่นๆ ให้ถูกต้องสะท้อนภาพที่แท้จริงของกิจการ

รายงานพิเศษ

วีระพงศ์ ศุภเศรษฐ์ศักดิ์

ผู้ประกอบการที่มียอดขายตั้งแต่ 100 ล้านบาทขึ้นไป จะได้รับวงเงินสินเชื่อพิเศษรายละไม่เกิน 20 ล้านบาท ด้วยอัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 3% ต่อปี และยังสามารถเลือกใช้ บสย.ค้ำประกันได้ ฟรีค่าธรรมเนียมค้ำประกัน ใน 2 ปีแรก

นอกจากนี้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ที่มีความประสงค์ใช้งบสรรพากร ในการพิจารณาสินเชื่อ ธนาคารยังมีผลิตภัณฑ์ ‘สินเชื่อกรุงไทย SME บัญชีเดียว’ อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 4% ต่อปี กู้ได้สูงสุด 3 เท่าของหลักประกัน ผ่อนนานสูงสุด 7 ปี ฟรีค่าธรรมเนียม บสย. ค้ำประกัน 4 ปีแรก

รวมทั้งมีสินเชื่อ SME อีก 10 ประเภท ให้เลือกใช้ตามความต้องการที่หลากหลายของธุรกิจ ในอัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 4% ต่อปีเช่นเดียวกัน ภายใต้แคมเปญ ‘กรุงไทย SME เคียงข้างธุรกิจคุณ’

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน