นายโชคดี แก้วแสง รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 13-17 มิ.ย. 2560 บีโอไอจะนำคณะนักลงทุนไทยไปศึกษาโอกาสและลู่ทางการลงทุนในประเทศสปป. ลาว และประเทศกัมพูชา ณ เมืองจำปาสัก รัตนคีรี สตึงแสตรง กรอแจะ และเสียมราฐ โดยจะเน้นโอกาสการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมเกษตร และเกษตรแปรรูป อุตสาหกรรมเครื่องจักรกลการเกษตร

นอกจากนี้ บีโอไอจะนำคณะนักลงทุนไทยเข้าหารือกับนักลงทุนและนักธุรกิจของทั้งสองประเทศ ได้แก่ หอการค้าแขวงจำปาสัก หอการค้าจังหวัดรัตนคีรี และหอการค้าจังหวัดเสียมราฐ และจะได้เข้าร่วมกิจกรรมเจรจาจับคู่ธุรกิจ ระหว่างคณะนักลงทุนไทย กับหอการค้ากรอแจะ สตึงแตรง กัมปงจาม มณฑลคิรี และตโบงฆมุม รวมทั้งได้เดินทางไปสำรวจเส้นทางการค้าชายแดน ที่ด่านโอยาดาว (กัมพูชา)-ด่านเลแถ่ง (เวียดนาม) ซึ่งทั้งสองด่านนี้เชื่อมต่อไปยังชุมชนที่ราบสูงภาคกลางของเวียดนาม และภาคตะวันออกของกัมพูชา โดยเส้นทางดังกล่าวจะสามารถเชื่อมโยงการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวระหว่าง 3 ประเทศ คือ ไทย-กัมพูชา-เวียดนาม ได้เป็นอย่างดี

“การนำคณะนักลงทุนไปสำรวจเส้นทางการค้าและศึกษาโอกาสที่จะเข้าไปทำธุรกิจในอุตสาหกรรมที่ไทยมีศักยภาพนี้ บีโอไอได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศ กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม หรือซีแอลเอ็มวี โดยตลอดปี 2559 มีนักลงทุนให้ความสนใจเดินทางร่วมคณะจำนวน 207 ราย และจากการติดตามผลในช่วงที่ผ่านมา มีผู้ประกอบการไทยที่ร่วมคณะได้ไปลงทุนในกลุ่มประเทศเป้าหมายแล้วจำนวน 89 ราย ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป ก่อสร้าง และเครื่องนุ่งห่ม” นายโชคดีกล่าว

สำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมายที่นักลงทุนไทยมีศักยภาพเข้าไปดำเนินธุรกิจใน สปป. ลาวและกัมพูชานั้น อยู่ในกลุ่มการเกษตร อาหารแปรรูป สิ่งทอ และเสื้อผ้าสำเร็จรูป ขณะที่การลงทุนของไทยในต่างประเทศในปี 2559 (ม.ค.-ธ.ค.) มีโครงการลงทุนของไทยในต่างประเทศจำนวนทั้งสิ้น 112 โครงการ มูลค่าการลงทุนประมาณ 500 ล้านบาท ซึ่ง 90.2% เป็นการลงทุนใหม่

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน