นายยี วี แตง ผู้อำนวยการ บริษัท แกร็บ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ให้บริการการเรียกรถผ่านแอพลิเคชั่น ภายใต้ชื่อ “แกร็บ” กล่าวว่า ปีนี้แนวทางการของแกร็บพร้อมดำเนินธุรกิจเพื่อสนับสนุนแนวนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ผ่านแพลตฟอร์มที่มุ่งยกระดับการขนส่งและการชำระเงินให้กับผู้บริโภค ตลอดจนนำเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่ๆ ที่ช่วยให้ผู้บริโภคเข้าถึงเศรษฐกิจดิจิทัลได้ดีขึ้น เริ่มตั้งแต่บริการแกร็บเพย์ จะขยายขอบข่ายการให้บริการชำระเงินออนไลน์อย่างต่อเนื่อง รองรับการชำระค่าโดยสารบริการใหม่ล่าสุดของแกร็บทั้งหมด

ยี วี แตง

พร้อมกันนี้เตรียมขยายพื้นที่ให้บริการไปยัง 2 จังหวัดใหม่ในสัปดาห์หน้า ได้แก่ นครราชสีมา และอุดรธานี จะทำให้แกร็บมีพื้นที่ให้บริการในไทย รวมเป็น 9 จังหวัด เพิ่มขึ้นจาก 5 จังหวัดในปีที่ผ่านมา รวมเป็นทั้งหมด 57 เมืองในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากผู้ใช้บริการแอพลิเคชั่นแกร็บจำนวน 1 ใน 5 ใช้บริการต่างๆ ของแกร็บในพื้นที่ให้บริการมากกว่า 1 เมือง เพื่อให้บริการการขนส่งที่สะดวกให้กับทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ

ล่าสุด แกร็บ ยังได้เปิดตัวบริการ จัสท์แกร็บครั้งแรกในไทยที่จ. นครราชสีมา อุดรธานี และอุบลราชธานี โดยเป็นบริการที่รวบรวมรถแกร็บแท็กซี่ และแกร็บคาร์ในการเรียกใช้เพื่อเพิ่มจำนวนของรถที่ให้บริการและตอบรับความต้องการโดยสารรถในเมือง ซึ่งจะช่วยให้ผู้โดยสารได้รถมารับไวขึ้น นอกจากนี้ บริการดังกล่าวยังมีการกำหนดค่าโดยสารที่ตายตัว ซึ่งช่วยให้ผู้โดยสารสามารถทราบราคาค่าโดยสารที่โปร่งใสตามโครงสร้างราคาและเวลาที่เรียกรถ โดยได้ทดลองให้บริการจัสท์แกร็บในประเทศสิงคโปร์เมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมาและได้รับผลตอบอย่างดี

นอกจากนี้เปิดบริการใหม่ล่าสุด‘แกร็บเรดทรัค’ บริการเรียกรถแดง รถสองแถวเอกลักษณ์ของจ.เชียงใหม่ โดยดำเนินการร่วมกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สำนักงานจังหวัดเชียงใหม่ และสำนักงานขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้โครงการพัฒนาเมืองและปฏิวัติการเดินทางขนส่งให้เข้าสู่รูปแบบดิจิทัลมากขึ้น ซึ่งค่าบริการจะถูกกำหนดโดยขนส่งเชียงใหม่

“ปัจจุบัน แอพพลิเคชั่นแกร็บมียอดดาวน์โหลดมากกว่า 45 ล้านดาวน์โหลด ก้าวกระโดดจากเดือนมิ.ย.ปีที่แล้วถึง 3 เท่าตัว มีผู้ขับขี่ในเครือข่ายกว่า 930,000 คนที่ร่วมกันรับส่งผู้โดยสารกว่า 2.5 ล้านเที่ยวต่อวัน ใน 7 ประเทศ สำหรับในประเทศไทย แกร็บ คือ ผู้นำแพลตฟอร์มการเรียกรถที่ได้ช่วยให้สมาชิกพาร์ทเนอร์ผู้ขับขี่ชาวไทยมีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 19% เมื่อเทียบจากอัตราค่าแรงโดยเฉลี่ยของประเทศไทย และยังช่วยลดระยะเวลาในการเดินทางของผู้โดยสารลงได้ถึง 20% จึงทำให้แกร็บมีสมาชิกผู้ขับขี่ในไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบัน จำนวนสมาชิกผู้ขับขี่ของแกร็บในประเทศไทยมีอัตราการเติบโตต่อเนื่องทุกปีถึง 226% นับตั้งแต่เริ่มดำเนินการในประเทศไทยเมื่อปี 2557″นายยี วี แตง กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน