นายอัชฌา สุวรรณนิตย์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวระหว่างการลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าของเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการส่งเสริมการปลูกข้าวโพดหวานเพื่อสร้างรายได้ให้แก่สมาชิกสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร ที่สหกรณ์การเกษตรโพทะเล จำกัด จ.พิจิตร ว่า เป็นการติดตามโครงการภายหลังที่ตัวแทนสหกรณ์ประสงค์เข้าร่วมโครงการและได้รับแจกเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดหวานจากกรมส่งเสริมสหกรณ์ ทดลองปลูกตั้งแต่ 7 มิ.ย. 2563 ขณะนี้เกษตรกรได้เริ่มเก็บผลผลิต จำหน่ายในพื้นที่และสามารถสร้างรายได้ในระยะเวลาสั้นๆ เป็นโครงการที่กรม ตั้งใจจะช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนให้กับเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบในช่วงที่วิกฤตโควิด-19 ระบาด โดยหวังว่าจะเป็นช่องทางสร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกร อีกทางหนึ่งไม่มากก็น้อย

“จากการสอบถามเกษตรกรที่เราคัดให้เข้าโครงการภายใต้การสนับสนุนเมล็ดพันธุ์ของบริษัท แปซิฟิคเมล็ดพันธุ์ จำกัด ส่วนใหญ่มีความพอใจกับผลตอบแทนที่ได้รับ หักต้นทุน แล้วมีกำไรประมาณ 15,000 บาทต่อรอบการผลิต 73 วัน ในพื้นที่ทดลองปลูกเพียง 300 ตารางวา ซึ่งในอนาคตเกษตรกรที่เป็นสมาชิกสหกรณ์จะเดินหน้าต่อโครงการนี้หรือไม่ เป็นเรื่องที่สหกรณ์นั้นต้องไปหารือกันในกลุ่มสมาชิก เพราะกรมได้แต่เพียงสนับสนุนเรื่องโอกาสและเป็นพี่เลี้ยง นอกจากข้าวโพดหวานแล้ว ขณะนี้ได้ทราบว่ามีเอกชนอีกหลายรายที่เข้ามาส่งเสริมปลูกพืชหลังนาสร้างรายได้ให้กับสมาชิกสหกรณ์ในจังหวัดพิจิตร เช่น พริกซอส และกระหล่ำปลี ซึ่งกรมได้แนะนำให้แต่ละสหกรณ์พิจารณาโครงการที่มีตลาดรองรับและควรทำเกษตรพันธะสัญญาเพื่อความมั่นคงของผู้เข้าร่วมโครงการปลูกพืชแต่ละชนิด”

นายสมศักดิ์ สีอุดทา ประธานสหกรณ์การเกษตรโพทะเล จำกัด เปิดเผยว่า ได้รับเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดหวานมาปลูก ในที่ดินของตนเอง หมู่ที่ 5 ต.ทะนง อ.โพทะเล จ.พิจิตร ในพื้นที่ 300 ตารางวา หรือ 3 งาน เพื่อทดลองว่าตนเองจะปลูกรอดหรือไม่ เพราะเดิมทำนา ขณะเดียวกันที่ลองปลูกเพียง 3 งาน จากที่ดินที่มีทั้งหมดประมาณ 8 ไร่ เพราะต้องการประเมินดูว่า ผลผลิตออกมาดีตามที่มีการระบุหรือไม่ ซึ่งตามรอบการผลิตจะใช้เวลาตั้งแต่ปลูกจนเก็บเกี่ยว 73 วัน แต่ขณะนี้ปลูกมาได้ 70 วันได้ลองเก็บไปขายบางส่วน ปรากฏว่าผลผลิตดีฝักสวยและรสชาติหวาน ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่สนใจมาขอซื้อถึงในไร่ข้าวโพด ซึ่งได้เหลือผลผลิตไว้บางส่วน รอเก็บเกี่ยวเมื่อครบกำหนด เพื่อเปรียบเทียบคุณภาพ

“ระยะเวลาปลูกข้าวโพดหวาน คือ 73 วันถึงจะเก็บได้ แต่ผมลองเก็บมาจำหน่ายก่อน โดยขายในพื้นที่ ขายเป็นฝักสดราคาฝักละ 10-15 บาท หรือหากขายเป็นกิโลกรัมจะขายในราคา 10 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งข้าวโพดจะมีน้ำหนักเฉลี่ยประมาณฝักละเกือบ 1 กิโลกรัม คนที่ซื้อไปลองกินแล้วก็บอกกันปากต่อปากว่าข้าวโพดที่นี่อร่อย ทำให้มีคนเข้ามาซื้อที่สวนเพื่อนำไปบริโภคที่บ้านหรือนำไปจำหน่ายจนเกือบจะหมดแล้ว สำหรับต้นทุนตั้งแต่เริ่มปลูกจนเก็บเกี่ยวครั้งนี้ ลงทุนไป 4,500 บาท ผลผลิตที่คาดว่าจะได้ประมาณ 2,000 กิโลกรัม คาดว่ารอบนี้จะขายได้เงินประมาณ 20,000 บาท หักต้นทุนแล้วจะมีกำไรเหลือประมาณ 15,000 บาท ซึ่งผมพอใจมาก เพราะทำนาใช้เวลา 4 เดือน เกี่ยวข้าวไปขายได้กำไรไร่ละไม่ถึง 1,000 บาท แต่ข้าวโพดหวานอายุ 73 วัน กำไรหลักหมื่น ซึ่งขณะนี้สมาชิกสหกรณ์ที่ผมเป็นประธานสนใจที่จะทำโครงการปลูกข้าวโพดหวานอีกประมาณ 15 ราย ดังนั้น จะต้องหารือกัน เพื่อทำเป็นโครงการส่งเสริมการปลูกข้าวโพดหวานเพื่อสร้างอาชีพเสริมเพิ่มรายได้ให้กับสมาชิก”

ด้านนายสุพรรณ เสนารินทร์ สมาชิกสหกรณ์โคนมการเกษตรพิจิตร จำกัด อาศัยอยู่ที่หมู่ 5 ต.ท้ายน้ำ อ.โพทะเล จ.พิจิตร กล่าวว่า ได้เข้าโครงการนี้เช่นกัน ได้เมล็ดพันธุ์ข้าวโพดหวานมาปลูกบนพื้นที่ 1 ไร่ แต่เดิมเป็นที่นา เริ่มหยอดเมล็ดวันที่ 10 มิ.ย. 2563 คาดว่าผลผลิตจะได้เกือบ 3 ตัน/ไร่ ขณะนี้ได้เริ่มเก็บผลผลิตขาย ขายทั้งที่ในสวนและผ่านช่องทางตลาดออนไลน์ ในราคากิโลกรัมละ 15 บาท คาดว่าจะได้กำไรจากการขายข้าวโพดหวานเกือบ 20,000 บาท ซึ่งหลังจากนี้ตนเองจะขยายพื้นที่ปลูกเพิ่ม สลับกับการปลูกพืชชนิดอื่นด้วย เพื่อจะสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง

น.ส.ไพรินทร์ สุขเล็ก สหกรณ์จังหวัดพิจิตร กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมาเกษตรกรอาจยังไม่มั่นใจว่าจะทำได้หรือไม่ เมื่อกรมส่งเสริมสหกรณ์มีโครงการนี้ขึ้นมา และให้สำนักงานสหกรณ์จังหวัดได้เข้ามาแนะนำและจัดสรรเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดหวานให้กับสหกรณ์ต่างๆ ได้นำไปกระจายต่อให้กับสมาชิกหสกรณ์ ซึ่งระยะแรกได้แนะนำให้เริ่มทดลองปลูกในพื้นที่เล็กๆ ไปก่อน หากทำได้ผลดีค่อยขยายเพิ่ม ซึ่งจากผลผลิตที่ออกมา เกษตรกรก็มีความพึงพอใจและเป็นพืชชนิดใหม่ที่มีความน่าสนใจ และในอนาคตสำนักงานสหกรณ์จังหวัดพิจิตรจะมีการขยายการส่งเสริมปลูกข้าวโพดหวานให้กับสมาชิกสหกรณ์ในพื้นที่เพิ่มมากขึ้น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน