เอกชนหวั่นจัดเก็บภาษีได้น้อย กระทบงบประมาณพัฒนาพื้นที่ภาคตะวันออก หนุนเปิดประเทศรับต่างชาติภายใต้นิว นอร์มัลเข้มข้น ร้องช่วยเอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งทุน

หวั่นเก็บภาษีได้น้อย – นายนพดล ตั้งทรงเจริญ ประธานหอการค้าจังหวัดระยอง กล่าวภายหลังการประชุมร่วมกับคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ที่จ.ระยอง-จันทบุรี ในวันที่ 24-25 ส.ค ที่จัดขึ้นที่จังหวัดระยอง ว่า ข้อเสนอการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก (ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง) ได้เสนอให้ที่ประชุมสนับสนุนและแก้ปัญหาใน 4 ด้านคือ การท่องเที่ยว การบริหารจัดการน้ำ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การพัฒนาคุณภาพชีวิต และโครงการพื้นฐาน ซึ่งนายกรัฐมนตรี เห็นด้วยกับข้อเสนอทั้งหมดที่ทางภาคเอกชนเสนอไป แต่ต้องมีการเรียงลำดับความสำคัญของโครงการรวมทั้งงบประมาณที่จะได้รับการจัดสรร

อย่างไรก็ตาม ภาคเอกชนในกลุ่มภาคตะวันออกต้องการให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาเร่งด่วน ในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐานเร่งรัดโครงการยกระดับเส้นทางการคมนาคมเพื่อรองรับเขตเศรษฐกิจพิเศษ ก่อสร้างเพื่อขยายช่องจราจรจากเดิม 4 ช่องจราจรเป็น 6 ช่องจราจรจำนวน 2 สายทาง คือ ทล.3ตอนระยอง-กะเฉด ทล. 3574 ตอนมาบปู-เขาคันทรวง รวมทั้งโครงการก่อสร้างทางหลวงสายทางเลี่ยงเมืองฉะเชิงเทรา เพื่อแก้ปัญหาการจราจรติดขัดและรองรับเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก รวมทั้งขอรับการสนับสนุนงบประมาณปี 2565 เพื่อศึกษาสำรวจออกแบบก่อสร้างถนนตามแนวผังระบบคมนาคมขนส่งเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก สนับสนุนรถไฟฟ้าความเร็วสูง เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังต้องการเร่งรัดให้ภาครัฐเตรียมพร้อมในเรื่องของปัญหาการขาดแคลนน้ำในพื้นที่ภาคตะวันออกเนื่องจากเอกชนในพื้นที่ยังไม่วางใจว่าจะมีน้ำใช้เพื่ออุตสาหกรรมอย่างเพียงพอ แม้ว่าที่ผ่านมายังไม่ถึงขั้นต้องหยุดการผลิตก็ตามเนื่องจากภาคอุตสาหกรรมต้องใช้น้ำถึงวันละ 1 ล้านลูกบาศก์เมตร หากไม่เพียงพอก็ต้องหยุดการผลิตสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ

“เอกชนมีความเป็นห่วงเรื่องโครงการก่อสร้างต่างๆ ที่อาจจะล่าช้าเพราะติดขัดเรื่องงบประมาณที่ภาครัฐจัดเก็บภาษีได้น้อยลง เนื่องจากประชาชนมีรายได้ลดลงจากการระบาดของโควิด-19 ซึ่งหากโครงการต่างๆ ถูกชะลอออกไปก็จะกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ”

นายนพดล ยังกล่าวอีกว่า ในส่วนของการท่องเที่ยวมองว่าภาครัฐยังแก้ปัญหาไม่ตรงจุดโดยเฉพาะโครงการเราเที่ยวด้วยกันเพราะแม้ว่าจะมีการชดเชยค่าที่พัก อาหาร แต่ค่าเครื่องบินกลับมีราคาสูงขึ้นกว่าปกติ ทำให้ไม่จูงใจต่อการเดินทางของนักท่องเที่ยว และนักท่องเที่ยวตอนนี้ก็เหลือแต่คนไทยที่มีข้อจำกัดคือเที่ยวได้เฉพาะวันหยุด ทำให้รายได้ในส่วนนี้ของภาคบริการและท่องเที่ยวหายไปกว่า 80% ดังนั้นภาครัฐต้องช่วยเหลือให้ครบวงจรจูงใจให้คนเดินทางท่องเที่ยวในวันธรรมดามากขึ้น ขณะเดียวกันก็ให้ออกมาตรการการท่องเที่ยวของต่างชาติ ให้มีความชัดเจน ภายใต้ชีวิตวิถีใหม่หรือนิว นอร์มัล เพื่อให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวในประเทศได้ เพราะไม่สามารถปิดประเทศได้ตลอดไป เพราะไม่รู้ว่าจะได้ใช้วัคซีนตอนไหน เมื่อไหร่

นอกจากนี้ รัฐบาลจะต้องช่วยเหลือผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (เอสเอ็มอี) อย่างจริงจังทั่วถึง เพราะหลายมาตรการยังไม่สามารถทำได้จริง เช่น การขยายเวลาพักชำระหนี้ออกไปอีก 3 เดือน การให้เอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งทุนได้ง่ายมากขึ้น จากปัจจุบันที่สถาบันการเงินไม่ปล่อยกู้ให้เอสเอ็มอีเพราะถือว่ามีความเสี่ยงสูง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน