อุ้มพนักงานบินไทย1หมื่นคน สหกรณ์ออมทรัพย์การบินไทย ขยายเวลาพักหนี้และดอกเงินกู้ต่อ อีก 6 เดือน แก้วิกฤติรายได้จากการถูกลดเงินเดือน กรณีบริษัทหยุดบิน

รายงานข่าวจากบริษัท การบินไทย จำกัด(มหาชน)หรือบมจ.การบินไทยเปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 3 ก.ย. 2563 สหกรณ์ออมทรัพย์พนักงาน บริษัท การบินไทย ได้ออกประกาศสหกรณ์ออมทรัพย์พนักงานบริษัทการบินไทย

เรื่องการขยายระยะเวลาโครงการการผ่อนผันชำระเงินต้นและดอกเบี้ย เพื่อช่วยเหลือสมาชิกช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ ออกไปอีก 6 เดือน โดยขยายเวลาผ่อนผัน ออกไปจนถึงวันที่ 31 มี.ค.64 จากเดิมที่จะสิ้นสุด 30 ก.ย.63 โดยจะเปิดให้สมาชิก ยื่นเอกสารคำขอผ่อนผันและทำบันทึกต่อท้ายหนังสือกู้ยืมตามแบบสหกรณ์ ภายในวันที่ 30 ก.ย. 63 เท่านั้น

เนื่องจากปัญหาการระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อการประกอบอาชีพและการดำเนินธุรกิจของบมจ.การบินไทย ซึ่งบริษัทได้มีการปรับลดเงินเดือน ค่าจ้างหรือให้หยุดงานโดยได้รับเงินเดือน หรือค่าจ้างน้อยลง ซึ่งส่งผลกระทบต่อสมาชิกและครอบครัวของสมาชิกบางรายไม่สามารถส่งชำระหนี้ให้แก่สมาคมสหกรณ์ฯได้ตามปกติ
“สมาชิกที่เข้าร่วมโครงการ จะได้รับการผ่อนผันให้ชำระเงินต้นขั้นต่ำเพียง 500 บาท/งวดเท่านั้นและยัง ได้รับการผ่อนผันดอกเบี้ยให้ปรับลดเหลือ 3.6% จากเดิม 4.25%/ปี ซึ่งครั้งนี้ถือเป็นการขยายเวลาผ่อนผันเป็นครั้งที่ 2 คือ ต่อเวลาออกไปอีก 6 เดือน เพื่อช่วยเหลือสมาชิกที่เดือดร้อนรายได้ไม่พอจ่ายหนี้ ซึ่งขณะนี้มีสมาชิกที่อยู่ในข่ายเดือดร้อนเข้าร่วมโครงการมากกว่า1หมื่นคน หรือคิดเป็น 50% ของพนักงานทั้งหมดของบมจ.การบินไทยที่มีราว 2.1 หมื่นคน”
รายงานข่าวจากบริษัท การบินไทย จำกัด(มหาชน)เปิดเผยว่า ทั้งนี้ผู้เข้าร่วมโครงการจะต้องเป็นสมาชิกที่เป็นพนักงานหรือเจ้าหน้าที่ โดยสามารถผ่อนผันการชำระเงินต้นและดอกเบี้ยได้ทุกสัญญา ยกเว้นสัญญาเงินกู้สามัญ เพื่อบรรเทาวิกฤตเศรษฐกิจและสัญญาที่เข้าโครงการประนอมหนี้และปรับโครงสร้างหนี้
สำหรับสมาชิกที่เกษียณอายุ หรือลาออกจากบริษัทสามารถผ่อนผันได้เฉพาะสัญญาเงินกู้สามัญที่ไม่เกิน 90% ของค่าหุ้นและหรือเงินฝาก และกรณีเงินกู้เพื่อบรรเทาวิกฤตเศรษฐกิจไม่สามารถเข้าร่วมโครงการนี้ได้

รายงานข่าวจากสหกรณ์ออมทรัพย์พนักงาน บริษัท การบินไทยเปิดเผยว่า ณ วันที่31 ก.ค.63 สหกรณ์มีทรัพย์สินรวม4.8หมื่นล้านบาท มีหนี้สินระยะยาวรวม2.6หมื่นล้านบาท (ไม่รวมเงินรับฝากจากสมาชิกอีก 2.2หมื่นล้านบาท) โดยมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน 690 ล้านบาท

และณ วันที่ 14 ก.ย. 63 มีสภาพคล่องเหลืออยู่ 574 ล้านบาท ถือว่าสหกรณ์ฯยังมีความมั่นคงสามารถดูแลสมาชิกได้ดี โดยคาดว่าปีนี้จะจ่ายปันผลให้สมาชิกในอัตรา8%

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน