เอกชนยิ้มออกยอดผลิตรถยนต์เป็นบวกในรอบ 19 เดือน – พ.ย. ผลิตได้ 172,455 คัน เพิ่มขึ้น 11.92% หลังประเทศคู่ค้าเริ่มคลายล็อกดาวน์

เอกชนยิ้มผลิตรถเป็นบวก – นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ยอดผลิตรถยนต์ทั้งหมดในเดือนพ.ย. 2563 ผลิตได้ 172,455 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 11.92% และเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า 15.46% เป็นเดือนแรกที่เพิ่มขึ้นในรอบ 19 เดือน เนื่องจากประเทศคู่ค้าเริ่มคลายล็อกดาวน์และมีกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากขึ้นหลังมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ทุกอย่างต้องหยุดชะงัก รวมทั้งผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐก่อนหน้านี้

โดยเป็นการเพิ่มขึ้นจากยอดผลิตเพื่อส่งออก 4.25% อยู่ที่ 75,014 คัน ทำให้ 11 เดือน (ม.ค.-พ.ย. 2563) ผลิตเพื่อส่งออกได้ 649,893 คัน และการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศเพิ่มขึ้น 18.64% อยู่ที่ 97,441 คัน ซึ่ง 11 เดือนผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศได้ 634,070 คัน ส่งผลให้ยอดผลิตรถยนต์ 11 เดือนรวมทั้งสิ้น 1,283,963 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 31.69%

“เป็นการชี้ให้เห็นถึงสัญญาณเศรษฐกิจของเราเริ่มดีขึ้นแล้ว แม้ยอดผลิต 11 เดือนจะยังติดลบ แต่ก็เป็นอัตราที่ติดลบน้อยกว่าเดิมที่เคยติดลบสูงถึง 40% และหากเดือนธ.ค.นี้ สามารถผลิตได้ 170,000 คัน การผลิตรถยนต์ในปี 2564 ที่วางเป้าหมายในการผลิตไว้ 1400,000 คัน ก็น่าจะทะลุเป้าหมายได้แน่นอน”นายสุรพงษ์กล่าว

นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ขณะนี้เศรษฐกิจในประเทศเริ่มฟื้นจากมาตรการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ของรัฐบาล มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ การประกันรายได้เกษตรกร ประกอบกับการออกรถยนต์รุ่นใหม่รวมทั้งการลดแลกแจกแถมของผู้จำหน่ายรถยนต์ ทำให้ยอดขายรถยนต์ในประเทศเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 2.7% อยู่ที่ 79,177 คัน ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นชัดเจน 6.83% จากเดือนก่อนหน้าเป็นเดือนแรก นับตั้งแต่มีการระบาดของโควิด-19 โดยรถกระบะเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน

ทั้งนี้ ประเมินว่าแนวโน้มตลาดรถยนต์ในประเทศและต่างประเทศจะดีขึ้น ถ้าไม่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 รอบ 2 เชื่อว่าจะสามารถกระตุ้นการซื้อให้กลับมาได้ ส่วนนโยบายรถยนต์ไฟฟ้าของรัฐบาลนั้น หลังจากได้หารือร่วมกับค่ายรถหลักๆ ในประเทศแล้วเห็นว่าหลายบริษัทมีเทคโนโลยีในการพัฒนาอยู่แล้ว แต่ต้องการความชัดเจนเรื่องนโยบายสนับสนุนของภาครัฐและความต้องการของตลาดเป็นประเด็นหลัก ถ้าถึงจุดที่มีความต้องการเพิ่มมากขึ้นในจังหวะเวลาและนโยบายที่เหมาะสม ผู้ผลิตรถยนต์ก็พร้อมที่จะเดินหน้าทันที แต่ต้องยอมรับว่าปัจจุบันหลายปัจจัยยังไม่ตอบโจทย์ตลาดในประเทศเท่าที่ควรทั้งเรื่องราคา แบตเตอรี่ และการใช้งาน

สำหรับการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปเดือนพ.ย. 2563 ส่งออกได้ 74,532 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 0.87% มูลค่าส่งออกอยู่ที่ 42,674.60 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.4% เป็นเดือนแรกในรอบ 17 เดือนที่ส่งออกเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการส่งออกในตลาดเอเชีย ตลาดออสเตรเลียและโอเชียเนีย ซึ่งทั้งสองตลาดมีส่วนแบ่ง 60% ของยอดส่งออกรถยนต์ทั้งหมด ส่วนตลาดอื่นๆ ส่งออกลดลง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน