นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ ทำให้พฤติกรรมผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงไปอีกขั้น โดยอยู่บนพื้นฐานของความระมัดระวังมากขึ้น และมีการยกระดับการดำเนินชีวิตจาก ‘วิถีปกติใหม่’ (New Normal) เป็น ‘วิถีปกติถัดไป’ (Next Normal) ที่เทคโนโลยีดิจิทัลจะกลายเป็นส่วนสำคัญในชีวิตและเข้ามามีบทบาทในทุกมิติ

ดังนั้น ร้านค้าโชห่วยของไทยจึงไม่สามารถประกอบธุรกิจได้เหมือนเดิมอีกต่อไป ต้องเร่งปรับตัวเพื่อให้สอดรับกับพฤติกรรมใหม่ของผู้บริโภค เช่น ปรับวิธีการบริหารจัดการร้านค้าให้เป็นระบบ/ระเบียบมากขึ้น ต้องให้ความใส่ใจเรื่องสุขอนามัยที่ดี ร้านค้า/สินค้าต้องสะอาดปราศจากเชื้อโรค และต้องหมั่นทำความสะอาดร้านค้าให้บ่อยมากขึ้น

รวมทั้ง ต้องใช้ระยะห่างทางสังคมเข้ามาช่วยในการบริหารลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการภายในร้านค้า สินค้าในร้านต้องหาง่าย เนื่องจากลูกค้าจะใช้เวลาอยู่ภายในร้านไม่นาน ฯลฯ และที่สำคัญ คือ ต้องเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าผ่านออนไลน์ควบคู่กับการขายสินค้าหน้าร้าน (Omni-Channel) ทำให้สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้เพิ่มขึ้นทั้งลูกค้ารายเดิมและลูกค้ารายใหม่ ซึ่งผู้ค้าไม่จำเป็นต้องสร้างเว็บไซต์เป็นของตนเอง แต่ใช้สื่อสังคมออนไลน์ที่ใช้กันอยู่เป็นประจำ เช่น แอพพลิเคชั่นไลน์ หรือ แมสเซนเจอร์ เป็นช่องทางการตลาดให้กับผู้บริโภคในการสั่งซื้อสินค้า ซึ่งผู้คนในชุมชนส่วนใหญ่จะมีการใช้สื่อสังคมออนไลน์ดังกล่าวกันอยู่ก่อนแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องเรียนรู้การใช้สื่อสังคมออนไลน์เพิ่มเติม เป็นการอำนวยความสะดวกแก่ผู้ซื้อ และผู้ขายก็จะมียอดขายเพิ่มขึ้น โดยมีการจัดส่งสินค้าให้ลูกค้าแบบเดลิเวอรี เช่น จักรยานยนต์ หรือ จักรยาน เป็นต้น

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการโชห่วยส่วนหนึ่งได้รับอานิสงส์จากการเข้าร่วมโครงการ ‘คนละครึ่ง’ ของรัฐบาล ทำให้มียอดขายและสภาพคล่องดีขึ้น รวมทั้ง ส่งผลดีต่อผลประกอบการของผู้ประกอบธุรกิจรายย่อยซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมาก เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากของประเทศให้ขับเคลื่อนได้อย่างตรงจุด ซึ่งจนถึงปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 3 ม.ค. 2564 : กระทรวงการคลัง) มีร้านค้าที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งแล้วกว่า 1.1 ล้านร้านค้า มีผู้ใช้สิทธิตามโครงการคนละครึ่ง และโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 2 แล้วจำนวน 12,050,115 คน มียอดการใช้จ่ายสะสม 53,431.90 ล้านบาท (แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่าย 27,353.40 ล้านบาท และภาครัฐร่วมจ่ายอีก 26,078.50 ล้านบาท) โดยจังหวัดที่มีการใช้จ่ายสะสมมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพมหานคร สงขลา ชลบุรี เชียงใหม่ และ นครศรีธรรมราช ตามลำดับ

ปัจจุบัน ประเทศไทยมีผู้ประกอบการธุรกิจค้าส่งค้าปลีกโชห่วยขนาดกลาง จำนวน 6,217 ร้านค้า และโชวห่วยขนาดเล็กประมาณ 400,000 ร้านค้า

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน