พิษโควิดระลอกใหม่ คลังหั่นจีดีพีปีนี้เหลือ 2.8% ยังดีได้คนละครึ่ง-เราชนะ ช่วยพยุง ด้านนักท่องเที่ยวปีนี้วูบเหลือ 5 ล้านคน

พิษโควิดคลังหั่นจีดีพี – น.ส.กุลยา ตันติเตมิท รักษาการผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า คลังปรับประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจไทยในปี 2563 จะขยายตัวดีขึ้นที่ระดับ ติดลบ 6.5% ต่อปี จากคาดการณ์เดิมที่ ติดลบ 7.7% ต่อปี ขณะที่การส่งออก ขยายตัวติดลบ 6.6% ดีขึ้นจากคาดการณ์ครั้งก่อนหน้า ส่วนปี 2564 คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวที่ 2.8% ต่อปี โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ 2.3-3.3% ต่อปี ปรับลดลงจากคาดการณ์เดิมที่ 4.5% ต่อปี

เนื่องจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ในหลายประเทศ รวมถึงไทย ได้ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจของไทย การเดินทางระหว่างประเทศ และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศไทย

“ตัวเลขจีดีพีปี 2564 ที่ปรับตัวลดลงจากประมาณการครั้งก่อนหน้าค่อนข้างมาก แต่เมื่อพิจารณาจากปัจจัยพื้นฐานด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจไทยที่เข้มแข็ง ทำให้ยังเชื่อมั่นว่าแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะยังฟื้นตัวได้” น.ส.กุลยา กล่าว

นางสาวกุลยา กล่าวว่า โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 2 วงเงิน 2.25 หมื่นล้านบาท จะทำให้มีเม็ดเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 4.5 หมื่นล้านบาท และจะมีส่วนช่วยทำให้เศรษฐกิจไทยในปี 2564 ขยายตัวเพิ่มขึ้น 0.1% ขณะที่โครงการเราชนะ วงเงิน 2.1 แสนล้านบาท จะมีส่วนช่วยทำให้เศรษฐกิจในปีนี้ ขยายตัวเพิ่มขึ้น 0.5-0.6%

ทั้งนี้ ปัจจัยที่มีผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 2564 จากแนวโน้มเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าหลัก 15 ประเทศที่ฟื้นตัวดีขึ้น โดยปี 2564 คาดว่าจะขยายตัวที่ 5.2% และแนวโน้มเงินบาทที่ปีนี้คาดว่าจะยังแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง ที่ระดับ 29.90 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ 29.69-30.11 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ หรือแข็งค่าขึ้น 4.5% จากปี 2563 ซึ่งเป็นผลมาจากการเคลื่อนย้ายเงินทุนของนักลงทุนต่างชาติเข้าสู่ประเทศตลาดเกิดใหม่ หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0-0.25% ต่อเนื่องในปีนี้ รวมถึงเสถียรภาพเศรษฐกิจไทยที่แข็งแกร่ง ทำให้มีความสามารถรองรับความผันผวนของปัจจัยภายนอกได้เป็นอย่างดี

นอกจากนี้ คาดว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ จะทรงตัวที่ระดับ 50.5 ดอลลาร์ต่อบาเรล เพิ่มขึ้น 19.5% จากปีก่อน ตามความต้องการใช้ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นหลังจากแนวโน้มเศรษฐกิจโลกมีการฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่อง รวมถึงคาดว่าในช่วงครึ่งหลังของปีนี้การเดินทางท่องเที่ยวทั่วโลกจะเริ่มกลับมาได้ หลังจากมีการแจกจ่ายวัคซีน และสต๊อกน้ำมันที่ปรับตัวลดลง

สำหรับคาดการณ์นักท่องเที่ยวต่างประเทศในปี 2564 ลดลงมาอยู่ที่ 5 ล้านคน ลดลง 25.8% ลดลงจากคาดการณ์เดิมที่ 8 ล้านคน รายได้จากการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างประเทศ อยู่ที่ 2.6 แสนล้านบาท ลดลง 22.1% โดยจำนวนนักท่องเที่ยวที่คาดการณ์ว่าลดลงเนื่องจากเป็นการประเมินตั้งแต่ยังไม่ได้เกิดการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ทั้งในไทยที่มีแนวโน้มยืดเยื้อ และในหลายประเทศทั่วโลก โดยคาดว่าสถานการณ์การท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างประเทศจะปรับตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ขณะที่ปี 2563 มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศอยู่ที่ 6.7 ล้านคน ลดลง 83.2% รายได้จากนักท่องเที่ยวต่างประเทศ อยู่ที่ 3.3 แสนล้านบาท ลดลง 82.6%

ขณะที่การเบิกจ่ายเงินจากพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) กู้เงินฉุกเฉิน วงเงิน 1 ล้านล้านบาท ที่ปัจจุบันมีการอนุมัติวงเงินไปแล้ว 7.11 แสนล้านบาท คิดเป็น 71.2% และมีการเบิกจ่ายแล้ว 3.71 แสนล้านบาท คิดเป็น 52.1% แบ่งเป็น แผนงานด้านสาธารณสุข จำนวน 4.5 หมื่นล้านบาท อนุมัติแล้ว 1.96 หมื่นล้านบาท หรือ 43.8% เบิกจ่าย 1.56 พันล้านบาท คิดเป็น 7.9%

แผนงานด้านการช่วยเหลือ เยียวยาและชดเชย วงเงิน 5.65 แสนล้านบาท อนุมัติแล้ว 5.58 แสนล้าบาท คิดเป็น 98.9% เบิกจ่าย 3.22 แสนล้านบาท คิดเป็น 57.8% ผ่านโครงการช่วยเหลือ เยียวยาอาชีพอิสระ เกษตรกร กลุ่มเปราะบาง บัตรสวัสดิการ ผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม, โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการ และโครงการเราชนะ และแผนงานด้านการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม วงเงิน 3.9 แสนล้านบาท อนุมัติแล้ว 1.33 แสนล้านบาท คิดเป็น 34.1% เบิกจ่ายแล้ว 4.65 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 35% ผ่านโครงการคนละครึ่ง, โครงการเราเที่ยวด้วยกัน และโครงการกำลังใจ

อย่างไรก็ดี ประเมินว่าในปีงบประมาณ 2564 จะมีเม็ดเงินจาก พ.ร.ก. กู้เงินฉุกเฉิน เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจผ่านโครงการต่าง ๆ 5.07 แสนล้านบาท จากปีงบประมาณ 2563 อยู่ที่ 3.5 แสนล้านบาท และในปีงบประมาณ 2565 จะมีการเบิกจ่ายเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจอีก 1.4 แสนล้านบาท

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน