โพลระบุตรุษจีนปีนี้กร่อยเงินสะพัดต่ำสุดในประวัติการณ์ ต่ำสุดในรอบ 13 ปี พิษโควิด-เศรษฐกิจแย่-ประชาชนระวังจับจ่าย

ตรุษจีนปีนี้กร่อย – นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ ที่ปรึกษาสภามหาวิทยาลัย และที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวถึงผลการสำรวจกลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,215 ตัวอย่างทั่วประเทศระหว่างวันที่ 25 ม.ค.-3 ก.พ. 2564 ถึงพฤติกรรมและการใช้จ่ายของบริโภค ช่วงเทศกาลตรุษจีน ว่า คาดว่าจะมีเงินสะพัดในช่วงเทศกาลดังกล่าว 44,939.66 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนถึง 21.85% โดยปีก่อนเงินสะพัด 57,639.09 ล้านบาท หรือลดลงกว่า 12,000 ล้านบาท และเป็นการลดลงมากสุดเป็นประวัติการณ์ หรือลดลงต่ำสุดในรอบ 13 ปี นับตั้งแต่มีการสำรวจมาตั้งแต่ปี 2552

นางเสาวนีย์ กล่าวว่า การที่เงินสะพัดลดต่ำลงนั้นสะท้อนได้จากการตอบคำถามของกลุ่มตัวอย่างคือ 42.2% ระบุว่าในปีนี้ใช้จ่ายลดลงเมื่อเทียบกับปี 2563 เพราะเศรษฐกิจแย่ลง รายได้ลดลง ลดค่าใช้จ่าย การแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นหนี้เพิ่ม ของแพง ตกงาน ส่งผลให้ปริมาณการซื้อสินค้าลดลง ส่วนอีก 33.2% ยังใช้จ่ายไม่เปลี่ยนแปลง ส่วน 24.6% ที่ระบุว่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่เป็นเพราะราคาสินค้าแพงขึ้น รองลงมาคือรายได้-โบนัสเพิ่มขึ้น และเศรษฐกิจดีขึ้น

ส่วนแหล่งที่มาของเงินที่นำมาใช้จ่าย 66.8% มาจากเงินเดือน/รายได้ปกติ 19.8% งินออม 10% โบนัส/รายได้พิเศษ 1.6% มาจากเงินกู้ และอีก 1.8% ระบุเป็นเงินช่วยเหลือจากภาครัฐจากมาตรการต่างๆ ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ และช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ซึ่งมากกว่าปี 2563 ที่มีเพียง 0.1% สอดคล้องกับคำถามที่ว่าราคาสินค้าปีนี้กับปีก่อนเป็นอย่างไรกลุ่มตัวอย่างตอบว่าแพงขึ้นมากกับแพงขึ้นเล็กน้อยรวมกันกว่า 53% ดังนั้นแสดงให้เห็นว่ากลุ่มตัวอย่างระวังในการใช้จ่ายมากขึ้นจากปัจจัยลบต่างๆ ดังนั้น การที่ภาครัฐมีมาตการช่วยเหลือออกมา ก็จะสามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้บ้างในช่วงตรุษจีน

ด้านนายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ตรุษจีนปีนี้ประชาชนใช้จ่ายลดลงมากที่สุดในรอบ 13 ปี เป็นเพราะเศรษฐกิจไม่ดี การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้รายได้ลด ทำให้เห็นว่าเศรษฐกิจอยู่ในช่วงซึมลึก โดยมูลค่าที่หายไปกว่า 12,000 ล้านบาท นั้นกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจเพียง 0.05-0.07% ถือว่าน้อยมากๆ แต่ไม่มีผลต่อระบบเศรษฐกิจการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในอนาคต เพราะรัฐบาลจะอัดฉีดเงินลงไปในระบบเศรษฐกิจอี ทั้งจากโครงการเรารักกัน เราชนะก็คงต้องรอดูมาตรการกระตุ้นของรัฐในระยะต่อไปว่าจะมีผลกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากน้อยเพียงไร

“เห็นได้ว่าการระบาดของโควิด-19 เกี่ยวพันกับการใช้จ่ายของประชาชนในทุกเทศกาลอย่างต่อเนื่องทำให้คนลดการจับจ่ายใช้สอยมาตั้งแต่ปี 2563 ที่ลดลงจากปี 2562 ที่ 1.30% และในปีนี้ก็ลดลงต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ 21.85%”นายธนวรรธน์ กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน