‘เอสซีจี’ มองส่งออกหนุนเศรษฐกิจผงกหัว เร่งปรับตัวรับผู้บริโภคยุคนิวนอร์มัล จี้รัฐเร่งฉีดวัคซีนสกัดโควิดทั่วถึง ปลอดภัยสร้างความเชื่อมั่น

‘เอสซีจี’มองส่งออกหนุนศก. – นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือเอสซีจี กล่าวว่า เอสซีจีมองเศรษฐกิจช่วงครึ่งแรกของปีนี้จะมีแรงขับเคลื่อนจากการส่งออกที่ยังมีแนวโน้มดี แต่ยอมรับว่าการอุปโภคบริโภคในประเทศอาจมีอัตราการเติบโตลดลง เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิค-19 ระยะที่ 2 การท่องเที่ยวยังคงได้รับผลกระทบต่อเนื่อง

ดังนั้นภาครัฐควรเร่งหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 กระจายให้ประชาชนได้รับอย่างทั่วถึงและปลอดภัยโดยเร็ว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศ เพราะขณะนี้ยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะมีนักท่องเที่ยวจากต่างชาติเข้ามาเที่ยวในไทยได้เมื่อไหร่

ทั้งนี้ คงต้องติดตามปัจจัยเสี่ยงจากราคาน้ำมันดิบตลาดโลกที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่เมื่อปลายปีที่ผ่านมาหลังเริ่มมีการใช้วัคซีนป้องกันโควิดมากขึ้น ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตของบริษัท ทั้งยังต้องจับตามองทิศทางอัตราการแลกเปลี่ยนในระยะข้างหน้าต่อไปด้วย เพราะส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศ

“ปีนี้จะดำเนินธุรกิจโดยคำนึงความต้องการของผู้บริโภค พร้อมกับบริษัทปรับตัวให้สอดรับกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะการแพร่ระบาดของโควิด-19 รอบนี้ที่รุนแรงมาก ซึ่งขณะนี้ยอมรับว่ายังไม่สามารถประเมินได้ว่าจะกระทบไปอีกยาวนานแค่ไหน”นายรุ่งโรจน์กล่าว

นายรุ่งโรจน์ กล่าวว่า ปีนี้ธุรกิจซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างได้รับกระทบต่อเนื่องมากที่สุด เพราะโครงการก่อสร้างใหม่ๆ ทั้งที่อยู่อาศัยและโครงการคอมเมอร์เชียลของภาคเอกชนน้อยลงในช่วงครึ่งแรกของปี ดังนั้นคงต้องเน้นการก่อสร้างจากการลงทุนของภาครัฐเป็นหลัก

ธุรกิจแพ็กเกจจิ้ง คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีความจำเป็นในชีวิตประจำวัน อาหารและเครื่องดื่มสินค้าเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพอนามัย บริษัทจึงมีการออกแบบผลิตภัณฑ์และมีนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคให้มากที่สุด

ธุรกิจเคมิคอล คงต้องจับตามอง อุตสาหกรรมยานยนต์ที่กำลังเปลี่ยนไปสู่ อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า หรืออีวี ดังนั้นบริษัทต้องเข้าถึงซัพพลายเชนของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าเพื่อผลิตสินค้ามารองรับกับอุตสาหกรรมดังกล่าว เป็นต้น

สำหรับการดำเนินธุรกิจในปี 2564 บริษัทจะเน้นการพัฒนาอย่างยั่งยืน ควบคู่กับการนำเทคโนโลยีดิจิตอลมาประยุกต์ใช้ตลอดกระบวนการทำงาน พร้อมปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ ภายใต้กลยุทธ์ 2 ด้าน ได้แก่ 1. ดำเนินธุรกิจตามแนวทาง ESG (Environment, Social, Governance) โดยนำหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนมาปรับใช้ในการดำเนินธุรกิจ เพื่อลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ และนำของเหลือใช้จากกระบวนการผลิตกลับเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลให้ได้มากที่สุดิต่อยอดนวัตกรรมสู่ธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ ตอบโจทย์การใช้พลังงานทางเลือก

2. ปรับรูปแบบการดำเนินธุรกิจสู่ New Normal Digitalization โดยนำเทคโนโลยีดิจิตอลมาพัฒนาช่องทางออนไลน์ เพื่อเสนอสินค้าและบริการ พร้อมโซลูชันครบวงจร ตอบสนองความต้องการและวิถีชีวิตของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป ตลอดจนการพัฒนานวัตกรรมมูลค่าสูง ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง รวมถึงมองหาโอกาสในตลาดใหม่ที่เริ่มฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิด-19 และขยายธุรกิจเพิ่มเติมในกลุ่มสินค้าและบริการที่มีความต้องการสูงขึ้น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน