นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงผลกระทบด้านการค้าระหว่างประเทศที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในปี 2563 ที่ผ่านมา ว่า วิกฤตการแพร่ระบาดดังกล่าว ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก หากพิจารณาภาพรวมการส่งออกสินค้าเกษตรของไทยไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก พบว่า ลดลง 3.2% เมื่อเทียบกับปี 2562

หากพิจารณาเฉพาะการค้าระหว่างไทยกับประเทศที่ไทยทำความตกลงการค้าเสรี (Free Trade Area: FTA) ไม่รวมอาเซียน พบว่า การส่งออกสินค้าเกษตรของไทย กลับมีอัตราขยายตัวเพิ่มขึ้น 2.2% คิดเป็นมูลค่า 490,726 ล้านบาท โดยไทยเป็นฝ่ายได้เปรียบดุลการค้าเพิ่มขึ้น 3.7% ตลาดส่งออกที่ขยายตัวมากที่สุด ได้แก่ จีน ฮ่องกง เปรู ชิลี นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย ตามลำดับ

สำหรับสินค้าเกษตรที่มีการส่งออกเพิ่มขึ้น เช่น ผลไม้สด มูลค่า 83,576 ล้านบาท เนื้อไก่สด/แช่เย็น/แช่แข็ง มูลค่า 27,789 ล้านบาท มันสำปะหลัง มูลค่า 21,626 ล้านบาท ผลไม้แช่แข็ง มูลค่า 6,993 ล้านบาท ปลาสด/แช่เย็น/แช่แข็ง มูลค่า 4,358 ล้านบาท และ สุกรสด/แช่เย็น/แช่แข็ง มูลค่า 3,273 ล้านบาท เป็นต้น

ด้านนางเบญจวรรณ ศิริโพธิ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายเศรษฐกิจการเกษตรระหว่างประเทศ สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กล่าวว่า สำหรับการค้าสินค้าเกษตรกับอาเซียน 9 ประเทศ ปี 2563 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2562 พบว่า การค้าขยายตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.8% โดยมีมูลค่าการค้ารวม 421,977 ล้านบาท แต่การส่งออกลดลง 5.75% อย่างไรก็ตาม ไทยยังคงได้เปรียบดุลการค้า คิดเป็นมูลค่า 171,334 ล้านบาท โดยไทยส่งออกไปเวียดนามอันดับหนึ่ง รองลงมาคือ มาเลเซีย และ กัมพูชา ตามลำดับ

สินค้าเกษตรส่งออกส่วนใหญ่เป็นสินค้า ที่กักเก็บได้และไม่เน่าเสียง่าย ได้แก่ น้ำตาล มูลค่า 47,493 ล้านบาท เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ อาทิ นมยูเอชที นมถั่วเหลือง มูลค่า 47,103 ล้านบาท ของปรุงแต่ง อาทิ ครีมเทียม ซอสปรุงรส น้ำปลา น้ำมันหอย มูลค่า 25,214 ล้านบาท ยางพาราธรรมชาติ มูลค่า 23,271 ล้านบาท และ สัตว์มีชีวิต อาทิ สุกร มูลค่า 23,102 ล้านบาท

ทั้งนี้ แม้ว่าช่วงครึ่งปีแรกของ ปี 2563 ทั่วโลกต้องเผชิญกับวิกฤตโควิด-19 แต่จะเห็นได้ว่า การค้าสินค้าเกษตรไทยในปี 2563 ยังถือว่ามีทิศทางที่ดี และแม้จะมีการระบาดระลอกใหม่ในช่วงที่ผ่านมา แต่ผู้บริโภคเริ่มปรับตัว และหลายประเทศได้ผ่อนคลายความเข้มงวดของมาตรการนำเข้าสินค้ามากขึ้น ตลอดจนความพร้อมของไทยในการควบคุมการแพร่ระบาด จึงทำให้ไทยมีโอกาสและแนวโน้มในการส่งออกเพิ่มขึ้นไปด้วย

อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การค้าสินค้าเกษตรไทยเกิดความยืดหยุ่น อาจพิจารณาหาตลาดทดแทนและส่งเสริมการบริโภคในประเทศให้มากขึ้น เพื่อลดการพึ่งพาจากต่างประเทศ โดยในส่วนของกระทรวงเกษตรฯ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรฯ ได้เน้นปรับการผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าที่เก็บรักษาได้นาน และได้กำชับทุกหน่วยงาน หารือร่วมกับภาครัฐ เอกชน ผู้ประกอบการ ในการควบคุมสินค้าเกษตรตลอดห่วงโซ่การผลิตให้ได้คุณภาพ มาตรฐาน ปลอดภัยไร้การปนเปื้อนของเชื้อโรค สอดรับแนวทางการปฏิบัติการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ของ FAO เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อผู้บริโภคและประเทศคู่ค้าต่างๆ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน