นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมฉบับใหม่ ซึ่งจะมีผลกับเกษตรกรทั่วประเทศไทยกว่า 8 ล้านคน หรือ 2.1 ล้านครัวเรือน โดยปัจจุบันมีพื้นที่ส.ป.ก.ประมาณ 34 ล้านไร่ หรือคิดเป็น 25% ของพื้นที่การเกษตรทั้งหมดของไทย สำหรับสาเหตุของการแก้ไขกฎหมายก็เนื่องจาก พ.ร.บ.ปฏิรูปที่ดินฉบับเดิมใช้มาตั้งแต่ปี 2518 ใช้มาประมาณ 40 ปี จึงต้องการปรับปรุงให้ทันสมัย ให้บริการประชาชนได้รวดเร็วและดีขึ้น นำไปสู่การลดความเหลื่อมล้ำ ซึ่งจะช่วยแก้ไขปัญหาที่ทำให้การปฏิบัติงานของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม(ส.ป.ก.)ขาดความคล่องตัว และไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ในเรื่องการใช้จ่ายเงินกองทุนการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม เพื่อจัดซื้อจัดหาที่ดินและการจัดที่ดิน รวมถึงการโอนและตกทอดมรดกสิทธิ์ในที่ดิน รวมถึงการควบคุมขนาดเนื้อที่และการใช้ประโยชน์ในที่ดิน

สาระสำคัญของการปรับแก้กฎหมายจะมีความแตกต่างจากเดิมคือ จะเป็นครั้งแรกที่ทางส.ป.ก.มีอำนาจในการจัดซื้อที่ดินนอกเขตปฏิรูปที่ดิน ซึ่งในอดีตส.ป.ก.จะมีอำนาจจัดการเฉพาะพื้นที่ที่อยู่ในเขตปฏิรูปที่ดินเท่านั้น นอกพื้นที่จะไม่สามารถช่วยเหลือประชาชนได้ โดยต่อไปประชาชนที่อยู่นอกเขตปฏิรูปที่ดินจะสามารถขายที่ดินให้ส.ป.ก.มาจัดสรรให้เกษตรกรที่ขาดที่ดินทำกินได้ ขณะเดียวกันเรื่องข้อจำกัดในการใช้เงินกองทุนปฏิรูปที่ดินซึ่งปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยในอดีตไม่สามารถใช้เงินกองทุนมาจ่ายชดเชยค่าที่ดินให้เกษตรกรที่ไม่ต้องการทำการเกษตรในพื้นที่ส.ป.ก.ที่ตนเองถือครองได้ แต่กฎหมายใหม่ให้สามารถดำเนินการได้เกษตรกรจึงคืนที่ดินให้ส.ป.ก.แล้วจะมีเงินชดเชยให้ด้วย

นอกจากนี้กฎหมายฉบับใหม่ยังให้อำนาจคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมจำแนกเขตที่ดินให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ประเภทต่างๆเช่นที่ดินเพื่อทำการเกษตร ที่ดินเพื่อใช้ร่วมกันในพื้นที่เช่นถนน แหล่งน้ำ หรือเป็นที่ดินเพื่อการอื่นเช่นวัด โรงเรียน สถานที่ราชการ ระบบสาธารณูปโภคต่าง ขณะที่อำนาจในการควบคุมที่ดินที่ประกาศเป็นพื้นที่ส.ป.ก.และจัดสรรไปแล้วในกฎหมายฉบับใหม่จะเอื้อให้ทายาทโดยธรรมสามารถรับกรรมสิทธิ์ในที่ดินส.ป.ก.ต่อไปได้แม้ว่าตัวทายาทโดยธรรมจะไม่ได้เป็นเกษตรกรก็ตาม จากในอดีตที่ต้องมีอาชีพเกษตรกรเท่านั้น ซึ่งอาจจะทำการค้าขาย หรือเป็นครู แต่ทำการเกษตรด้วย ก็สามารถรับโอนที่ดินได้ โดยที่ดินที่รับโอนมากับของส่วนตัวและครอบครัวรวมกันแล้วจะต้องไม่เกิน 50 ไร่ หรือทำการเลี้ยงสัตว์จะต้องไม่เกิน 50 ไร่

ขณะเดียวกันยังได้กำหนดไว้ด้วยว่า เมื่อตัวทายาทโดยธรรมได้ที่ดินไปแล้วจะต้องใช้ประโยชน์ที่ดินตามวัตถุประสงค์ที่ได้รับการจัดสรรคือเพื่อการเกษตร หากจะใช้ประโยชน์อย่างอื่นนอกเหนือจากนั้นต้องได้รับอนุญาตจากกรรมการหรือผู้ที่กรรมการมอบหมาย ถ้าฝ่าฝืนคณะกรรมการหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายมีอำนาจสั่งรื้อถอนทำให้ที่ดินคืนสู่สภาพเดิมหรือละเว้นการกระทำนั้นตามระยะเวลาที่กำหนด ขณะเดียวกันถ้าไม่ปฏิบัติตามภายใน 30 วันตามที่ปิดประกาศไว้ สามารถรื้อถอนหรือทำให้ที่ดินคืนสู่สภาพเดิมได้ทันที

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน