นายสมชัย เลิศสุทธิวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส เปิดเผยว่า ปี 2564 บริษัทเตรียมงบลงทุนเครือข่ายไว้ประมาณ 25,000 -30,000 ล้านบาท เน้นพัฒนาเครือข่าย 4G และขยาย 5G รวมทั้งขยายอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง (ไฟเบอร์ บรอดแบนด์) หรือเน็ตบ้านที่จะใช้ประมาณ 5,000 ล้านบาท เพื่อเป็นการยกระดับสู่โครงสร้างพื้นฐานดิจิตอลอัจฉริยะที่แข็งแกร่ง โดยล่าสุดเป็นผู้ได้รับจัดสรรคลื่นความถี่ย่าน 26 GHz จากการประมูลและได้ชำระค่าคลื่นความถี่ย่าน 26 GHz เป็นเงินจำนวน 5,719.15 ล้านบาทแล้ว ขณะนี้พร้อมเปิดให้บริการทันที
“ปีนี้ยังคงเป็นปีที่ท้าทายอย่างมากสำหรับการเดินหน้าของประเทศ ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของทุกภาคส่วน ที่ต้องผนึกกำลังเสริมความแข็งแกร่ง เพื่อให้สามารถฝ่าวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกันให้ได้ และเอไอเอสในฐานะผู้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล พร้อมยกระดับการให้บริการ และครบรอบ 1 ปีของการเปิดตัวเอไอเอส 5G เป็นรายแรกในเดือนก.พ.ปีที่แล้ว หลังจากเป็นผู้ชนะการประมูล และถือครองคลื่นความถี่มากที่สุด รวม 1,420 MHz ครบทั้งย่านความถี่ต่ำ กลาง และสูง ครอบคลุมการใช้งานทุกรูปแบบ เทียบเท่ามาตรฐานโลก และปัจจุบันเปิดให้บริการ 5G ครบ 77 จังหวัด”
นอกจากนี้ การพัฒนา 5G ในภาคอุตสาหกรรมในปีช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้ร่วมทำงานกับพันธมิตรในการทดลองทดสอบและพัฒนาโซลูชั่น 5G หลากหลายอุตสาหกรรมพร้อมครอบคลุม 100% สำหรับพื้นที่ใช้งานในอีอีซีล่าสุด ได้ร่วมกับบริษัท เอสเอ็นซี ฟอร์เมอร์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าในพื้นที่อีอีซีนำเทคโนโลยี 5G มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านการผลิตภายในโรงงาน โดยที่ผ่านมาได้ร่วมทดลองการใช้งานบนคลื่นความถี่ 26 GHz แล้วและประสบความสำเร็จอย่างดี พร้อมเป็นต้นแบบของการยกระดับภาคอุตสาหกรรมไทยสู่การเป็นอุตสาหกรรมดิจิตอลต่อไป
นายสมชาย งามกิจเจริญลาภ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอสเอ็นซี ฟอร์เมอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบันได้มีการนำ 5G มาประยุกต์ใช้ใน 3 ส่วนหลัก ได้แก่ 1. 5G AGV เป็นการใช้ 5G ควบคุม และสั่งการรถอัตโนมัติภายในโรงงาน 2. 5G Smart Robot ควบคุม สั่งการแขนกลหุ่นยนต์ (Robot) และ 3. 5G Active Dashboard ในการเชื่อมต่อระหว่างเซิร์ฟเวอร์ และเครื่องจักรเพื่อให้สามารถตรวจสอบสายการผลิตต่างๆ นำไปสู่การปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพ คาดว่าจะสามารถเพิ่มระยะทำงานเพิ่มขึ้น 10-20% และทำให้ประสิทธิภาพการผลิตเพิ่มขึ้น 5-10% ส่งผลให้ต้นทุนลดลงได้
