‘ประภัสร์ จงสงวน’ อดีตผู้ว่ารฟม. ชี้ประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ต้องดูเทคนิคกับราคา พร้อมแนะนำให้ฝ่ายที่ออกมาคัดค้านพูดให้ชัดว่าการตัดสินผู้ชนะด้วยปัจจัยด้านเทคนิคและราคานั้นทำให้เสียเปรียบเรื่องอะไร ทำไมถึงต้องคัดค้านทีโออาร์ ส่วนประเด็นเรื่องขุดอุโมงค์ไม่ใช่เทคนิคใหม่ของโลก มีคนทำได้มากมาย ไม่ใช่เทคนิคผูกขาด แต่เป็นงานยากที่ต้องมีเทคนิค-แผนงานที่ชัดเจน ดูแลความปลอดภัยให้ดี

เมื่อวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ.2564 นายประภัสร์ จงสงวน อดีตผู้ว่าการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงปัญหาความล่าช้าการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม และการถกเถียงเกณฑ์ประเมินเกี่ยวกับเรื่องเทคนิคและราคา ว่า จริงๆ แล้วตอนที่เราทำรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ซึ่งเป็นรถไฟฟ้าใต้ดินสายแรกระหว่างหัวลำโพง-บางซื่อ รฟม.ขณะนั้นก็ดูทั้งสองส่วน และให้ความสำคัญพอๆ กัน และทั้ง 2 ส่วนล้วนเชื่อมโยงกัน เนื่องจากเป็นไปไม่ได้ที่เรื่องราคาและคุณภาพประกอบกับเทคนิคจะไม่ยึดโยงกัน จึงกล้าพูดได้เลยว่าหากไปดูจะพบว่าแม้จะผ่านมาเกือบ 20 ปีแล้วคุณภาพดีกว่ารถไฟฟ้าสายอื่น ที่ทำไม่กี่ปีก็เกิดปัญหาต้องมาตามแก้ไข ทั้งหมดจึงยืนยันได้ว่าเรื่องของราคา คุณภาพ ความสมเหตุสมผล เป็นสิ่งที่ต้องมาด้วยกัน

นายประภัสร์ กล่าวว่า ในฐานะที่เป็นคนนอก ตอนนี้มองดูแล้วก็ตั้งคำถามว่าทำไมกระบวนการประมูลราคาสายสีส้มถึงช้าเช่นนี้ เพราะตามปกติทีโออาร์ที่เขียนไว้จะต้องเปิดช่องให้หน่วยงานของรัฐปรับเกณฑ์ประเมินได้เสมอ ซึ่งไม่ใช่เรื่องของการล็อกสเป็ก แต่ต้องเข้าใจว่าเทคโนโลยีพัฒนาตลอดเวลา ช่วงเวลาที่เริ่มต้นโครงการกับตอนยื่นประมูล เทคนิค และเทคโนโลยีอาจเปลี่ยนแปลง เพราะใช้เวลานาน จึงไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมเรื่องถึงบานปลายมาถึงขั้นต้องล้มการประมูล และเริ่มต้นกระบวนการใหม่อีกครั้ง

นายประภัสร์ กล่าวต่อว่า ส่วนประเด็นที่จะทำให้ใครได้เปรียบเสียเปรียบกันก็ต้องไปดูรายละเอียดว่าที่ว่าเสียเปรียบนั้นเสียเปรียบอย่างไร แล้วเอื้อประโยชน์ให้ใคร ในเมื่อทั้งหมดยังไม่มีการเปิดซองประมูลเลยสักครั้ง ยังไม่มีใครเคยเห็นข้อเสนอของบริษัทใดเลย การพิจารณาสัญญาก็ยังไม่เกิด แล้วจะเกิดความได้เปรียบเสียเปรียบได้อย่างไร

อดีตผู้ว่ารฟม. ชี้ด้วยว่า ที่สำคัญกรณีนี้คือการเปิดหาผู้ร่วมลงทุน ในฐานะเอกชนก็ต้องดำเนินการตามเงื่อนไข เมื่อเป็นโครงการทำรถไฟฟ้าต้องมีเทคนิคมานำเสนอ หากทำไม่ได้ ไม่เคยมีประสบการณ์ก็ยังมีบริษัทอื่นๆ ที่พร้อมขายเทคโนโลยีให้ ในเอเชียมีทั้ง จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น หรือกระทั่งอินเดียก็พร้อม หากไปทางยุโรปก็มีบริษัทเต็มไปหมดที่มีศักยภาพทำงานได้ก็สามารถไปซื้อเทคโนโลยีเหล่านี้มาแล้วทำเป็นข้อเสนอได้เช่นกัน ที่สำคัญเรื่องการขุดอุโมงค์ไม่ใช่เทคนิคใหม่ของโลก ที่ไหนเขาก็ขุดกัน ไม่ใช่เทคโนโลยีผูกขาด เพียงแต่ต้องมีแผนงานให้ชัดเจนเพื่อเป็นหลักประกันว่าจะไม่เกิดความเสียหาย

“ผมว่าการไปพูดว่าเอื้อประโยชน์คนนั้นคนนี้ หรือทำให้เสียเปรียบ ต้องพูดกันให้ชัดในรายละเอียดว่าเสียเปรียบอะไร เสียเปรียบตรงไหน ในเมื่อยังไม่มีการเปิดซอง ยังไม่มีการเสนอเงื่อนไขใดๆ การพูดเหมารวมเช่นนี้ทำให้ดูเป็นเรื่องร้ายแรง จนอาจเกิดการตั้งคำถามว่าที่ไปตั้งเป้าที่ราคา หมายความว่าถ้ายึดราคาเป็นที่ตั้ง คุณจะได้เปรียบใช่หรือไม่ แล้วคุณภาพที่จะต้องเอามาพิจารณาด้วยทำไมถึงไม่พูดถึงตรงนี้” นายประภัสร์ กล่าว

นายประภัสร์ ระบุอีกว่า อีกสาเหตุที่เรื่องเทคนิคเป็นสิ่งสำคัญ เพราะแม้กรณีนี้จะเป็นเรื่องของสัญญาสัมปทาน ซึ่งก็คือให้เอกชนเป็นผู้บริหารภายในระยะเวลาจำกัด และมอบรายได้ให้กับรัฐ แต่หากผลงานที่ออกมาไม่มีคุณภาพ ต้องแก้ไข ต้องใช้งบประมาณอีกมหาศาล แล้วบริษัทเอกชนมองแล้วว่าไม่คุ้มทุน ทิ้งงานไป ใครจะต้องมาดูแล ก็ต้องเป็นหน่วยงานรัฐกลับเข้ามารับผิดชอบ สุดท้ายย่อมต้องใช้เงินภาษีของประชาชนแบกรับค่าใช้จ่ายทั้งหมดอีก ดังนั้นหากจะมามองเรื่องราคาอย่างเดียว เห็นว่าไม่แฟร์กับหน่วยงานรัฐและประชาชนที่จะต้องเป็นผู้รับผลกระทบในอนาคต

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน