กรมชลประทาน ปิดจ๊อบส่งน้ำฤดูแล้งใช้ต่ำกว่าแผนที่วางไว้ พร้อมเดินหน้ารับมือฤดูฝนปี’64 กำหนดพื้นที่เสี่ยงท่วม

กรมชลฯ ปิดจ๊อบส่งน้ำฤดูแล้ง – นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยภายหลัง นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานการแถลงข่าว “ปิดจ๊อบส่งน้ำฤดูแล้ง พร้อมเดินหน้ารับมือฤดูฝนปี 64” ผ่านระบบ VDO Conference ว่า ขณะนี้ได้สิ้นสุดของการบริหารจัดการในช่วงฤดูแล้ง ปี 2563/64 (เริ่มตั้งแต่ 1 พ.ย. 2563 – 30 เม.ย. 2564) แล้ว ผลการจัดสรรน้ำฤดูแล้งทั้งประเทศ ณ วันที่ 30 เม.ย. 2564 มีการใช้น้ำตลอดฤดูแล้งรวมทั้งสิ้นประมาณ 16,717 ล้านลบ.ม. คิดเป็น 88% ของแผนฯ

ทั้งนี้ มีการใช้น้ำต่ำกว่าแผนวางไว้ เฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยา วางแผนจัดสรรน้ำไว้รวม 5,000 ล้านลบ.ม. โดยใช้น้ำจาก 4 เขื่อนหลักรวม 4,500 ล้านลบ.ม. อีกส่วนหนึ่งผันมาจากลุ่มน้ำแม่กลอง 500 ล้านลบ.ม. ผลการใช้น้ำตลอดฤดูแล้งรวมทั้งสิ้น 4,892 ล้านลบ.ม. คิดเป็น 98% ของแผนฯ เนื่องจากมีฝนตกบริเวณพื้นที่ท้ายเขื่อน ส่งผลให้การใช้น้ำจากเขื่อนลดลง เกษตรกรใช้น้ำจากแหล่งธรรมชาติของตน อาทิ บ่อยืม หนอง และบึงต่างๆ มาใช้ในการเพาะปลูก

สำหรับผลการเพาะปลูกพืชฤดูแล้งปี 2563/64 ทั้งประเทศ มีการเพาะปลูกรวมทั้งสิ้น 5.95 ล้านไร่ จากแผนวางไว้ 2.45 ล้านไร่ แยกเป็นข้าวนาปรัง 1.90 ล้านไร่ พืชไร่-พืชผัก 0.55 ล้านไร่ เฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยาไม่มีแผนการเพาะปลูกข้าวนาปรัง เนื่องจากปริมาณน้ำต้นทุนมีไม่เพียงพอที่จะสนับสนุน แต่จากการสำรวจพบว่ามีการทำนาปรังประมาณ 2.79 ล้านไร่ เก็บเกี่ยวแล้ว 2.593 ล้านไร่ ส่วนใหญ่ใช้น้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติในพื้นที่ของตนเองทำการเพาะปลูก

ด้านนายทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า ณ วันที่ 1 พ.ค. 2564 ซึ่งเป็นวันเริ่มต้นการจัดสรรน้ำในช่วงฤดูฝน อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั้งประเทศมีปริมาณน้ำรวมกัน 36,442 ล้านลบ.ม. สามารถรองรับน้ำรวมกันได้อีกประมาณ 39,626 ล้านลบ.ม. เฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยา 4 เขื่อนหลัก (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกัน 8,961 ล้านลบ.ม. มีน้ำใช้การได้ประมาณ 2,265 ล้านลบ.ม. สามารถรองรับน้ำรวมกันได้อีกประมาณ 15,910 ล้านลบ.ม.

สำหรับการบริหารจัดการน้ำและการรับมือฤดูฝนปี 2564 นั้น ได้วางมาตรการบริหารจัดการน้ำ ได้แก่ การจัดสรรน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคและรักษาระบบนิเวศ การส่งเสริมการปลูกพืชฤดูฝนโดยใช้น้ำฝนเป็นหลักหลังกรมอุตุนิยมวิทยาประกาศเข้าสู่ฤดูฝนอย่างเป็นทางการและมีฝนตกในพื้นที่สม่ำเสมอ รวมทั้งการบริหารจัดการน้ำท่าให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ควบคู่ไปกับการกักเก็บน้ำไว้ในเขื่อนหรือแหล่งน้ำธรรมชาติให้ได้มากที่สุด

นอกจากนี้ ยังได้กำหนดพื้นที่เสี่ยงอุทกภัย กำหนดคน และกำหนดเครื่องจักรเครื่องมือกว่า 5,935 หน่วย เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำที่อาจจะเกิดขึ้น พร้อมกำชับไปยังโครงการชลประทานทั่วประเทศ ตรวจสอบสภาพความมั่นคงของเขื่อนขนาดใหญ่และขนาดกลาง 437 แห่ง และอาคารชลประทานทั่วประเทศอีก 1,806 แห่ง ให้สามารถใช้งานได้อย่างเต็มศักยภาพ รวมทั้งสำรวจสิ่งกีดขวางทาง และการกำจัดวัชพืชในแม่น้ำสายหลักและคูคลองต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ การบริหารจัดการน้ำในอ่างเก็บน้ำให้อยู่ในเกณฑ์เก็บกัก (RULE CURVE) โดยพิจารณาปรับลดการระบายให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ในแต่ละช่วงเวลา พร้อมกับใช้อาคารชลประทานในการจัดการจราจรน้ำตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ

ทั้งนี้ ได้เน้นย้ำให้โครงการชลประทานในพื้นที่ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำการประชาสัมพันธ์สถานการณ์น้ำรวมทั้งการแจ้งเตือนต่างๆ ไปยังประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมหรือน้ำล้นตลิ่ง เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดกับประชาชนให้ได้มากที่สุด หากหน่วยงานหรือประชาชนต้องการความช่วยเหลือสามารถติดต่อได้ที่โครงการชลประทานใกล้บ้าน หรือโทร.สายด่วนกรมชลประทาน 1460 ชลประทานบริการประชาชน ได้ตลอดเวลา

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน