พาณิชย์ฟุ้งส่งออกเม.ย. บวกสูงสุดทุบสถิติรอบ 3 ปี จับมือเอกชนปั๊มยอดมั่นใจทะลุเป้าแน่ ลุยสางปัญหาตู้ขาด เร่งเปิดด่าน จัดงานออนไลน์

พาณิชย์ฟุ้งส่งออกทุบสถิติ – นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ กล่าวว่า สถานการณ์ส่งออกของไทยในปีนี้ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยในเดือนเม.ย. 2564 บวกถึง 13.09% ถือว่าเป็นบวกสูงสุดในรอบ 3 ปี ทั้งหมดนี้เกิดจากความร่วมมือในการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดระหว่างกระทรวงพาณิชย์กับภาคเอกชน ภายใต้กลไกคณะกรรมการร่วมภาครัฐและะเอกชนด้านการพาณิชย์ หรือ กรอ.พาณิชย์ ทำให้ปัญหาอุปสรรคหลายอย่างที่ขัดข้องในช่วงที่ผ่านมาสามารถแก้ไขได้อย่างเป็นรูปธรรม ทั้งการเร่งเปิดด่าน เพื่อเร่งการค้าชายแดนที่มีผลต่อตัวเลขการส่งออก รวมทั้งการขจัดปัญหาอุปสรรคในด่านที่จะส่งออกไปยังประเทศคู่ค้าสำคัญรวมทั้งปัญหาการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งขณะนี้เรือขนาดใหญ่ 400 เมตร สามารถนำตู้คอนเทนเนอร์ที่เป็นตู้เปล่ามาเทียบท่าที่แหลมฉบังได้แล้ว วันพรุ่งนี้ (26 พ.ค.) จะเป็นลำที่ 2 สามารถนำตู้เปล่าเข้ามาได้เป็นจำนวนมาก และจะมีเรือนำเข้าตู้คอนเทนเนอร์เปล่าเพิ่มเติมเข้ามาอีกหลายลำต่อไปในอนาคต

ส่วนเรื่องเป้าส่งออกที่ 4% สำหรับปี 2564 นั้น จะร่วมมือกับภาคเอกชนและทำตัวเลขให้ได้เกินเป้าให้ได้มากที่สุดเร่งรัดการเปิดตลาดใหม่ โดยสั่งการให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศและกรมการค้าต่างประเทศ จับมือกับภาคเอกชนดำเนินการเปิดตลาดใหม่ เช่น ตลาดรัสเซีย ตลาดตะวันออกกลาง รวมทั้งเร่งทำเอฟทีเอกับประเทศคู่ค้าสำคัญ เพื่อเพิ่มตัวเลขการส่งออกทั้งเอฟทีเอไทย-อียู ไทย-สหราชอาณาจักร หรือกับประเทศอื่นๆ รวมทั้งเร่งรัด “มินิ เอฟทีเอ” กับมณฑลไห่หนานของจีน รัฐเตลังกานาของอินเดีย และพื้นที่อื่นๆ ต่อไป

นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงาน นโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กล่าวว่า การส่งออกไทยฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง มีมูลค่าเหนือระดับ 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 โดยในเดือนเม.ย. 2564 มีมูลค่า 21,429.27 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 13.09% เป็นอัตราการขยายตัวที่สูงสุดในรอบ 36 เดือน หากหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย การส่งออกไทยขยายตัวสูงถึง 25.70% ภาพรวมการส่งออก 4 เดือนแรกของปี 2564 การส่งออกมีมูลค่า 85,577.30 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 4.78%

สินค้าที่ขยายตัวดี ได้แก่ สินค้าเกษตรและอาหาร เป็นสินค้าที่มีการขยายตัวดี โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ยางพารา ผักและผลไม้ ไก่สดแช่เย็นแช่แข็ง น้ำมันปาล์ม เครื่องดื่ม อาหารสัตว์เลี้ยง และสิ่งปรุงรสอาหาร สินค้าที่เกี่ยวข้องกับการทำงานที่บ้าน (Work from Home) เป็นต้น

ด้านตลาดส่งออกสำคัญ เช่น สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป จีน เกาหลีใต้ และไต้หวัน ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับตลาดเอเชียใต้ โดยเฉพาะอินเดีย ที่มีการขยายตัวในระดับสูง เนื่องจากการระบาดของโควิด-19 ภายในประเทศ จึงทำให้ต้องพึ่งพาการนำเข้าสินค้าจำนวนมาก

ส่วนการนำเข้า มีมูลค่า 21,246.79 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 29.79% ดุลการค้าเกินดุล 182.48 ล้านเหรียญสหรัฐ การนำเข้ามีมูลค่า 84,879.16 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 13.85 ดุลการค้า 4 เดือนแรก เกินดุล 698.14 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ด้านนายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ให้ความสำคัญในการพัฒนาศักยภาพทางการตลาดให้กับภาคธุรกิจบริการและกลุ่มดิจิตอลคอนเทนต์จากการร่วมมือกับสมาคมที่เกี่ยวข้อง พบว่า ตลาดญี่ปุ่น เกาหลีและไต้หวัน นับเป็นตลาดที่มีศักยภาพสำหรับผู้ประกอบการดิจิตอลคอนเทนต์ไทย เนื่องจากมีอุตสาหกรรมดิจิตอลคอนเทนต์ขนาดใหญ่ทั้งด้านแอนิเมชั่นและคาแรกเตอร์ มีตลาดการซื้อขายลิขสิทธิ์คาแรกเตอร์ขนาดใหญ่ และมีแนวโน้มที่จะว่าจ้างผู้ประกอบการต่างชาติอย่างต่อเนื่อง ทั้งในรูปแบบการ Outsource และ Co-production

กรมจึงกำหนดดำเนินโครงการส่งเสริมธุรกิจดิจิตอลคอนเทนต์ไทยในประเทศญี่ปุ่น เกาหลีและไต้หวัน หรืองาน ASIAN Digital Content Virtual Business Matching ระหว่างวันที่ 16-18 มิ.ย. 2564 เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการดิจิตอลคอนเทนต์ไทยในการเจรจาธุรกิจออนไลน์กับผู้ประกอบการที่มีศักยภาพ ซึ่งเป็นการรักษาตลาดหลักและขยายตลาดอุตสาหกรรมดิจิตอลคอนเทนต์ไทยในประเทศดังกล่าว ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผู้ประกอบการไม่สามารถเดินทางระหว่างประเทศได้ โดยคาดว่าจะมีผู้ประกอบการในประเทศญี่ปุ่น เกาหลี และไต้หวัน จำนวนไม่ต่ำกว่า 30 ราย เข้าร่วมเจรจาธุรกิจออนไลน์กับผู้ประกอบการไทย จำนวน 20 ราย

ทั้งนี้ ในปี 2562 แอนิเมชั่นไทยมีมูลค่าตลาด 3,494 ล้านบาท มีประเทศที่ว่าจ้างผลิตหลักได้แก่ จีน ญี่ปุ่น และเกาหลี ในส่วนคาแรกเตอร์มีมูลค่าตลาด 2,146 ล้านบาท

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน