กกร. ทุบโต๊ะหั่นจีดีพีเลวร้ายสุดเหลือ 0% – ด้านส.อ.ท. ยอมรับมีความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจของไทยปีนี้จะติดลบ

กกร.หั่นจีดีพีเหลือ 0% – นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย และประธานสมาคมธนาคารไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมมีมติปรับลดประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ของไทยปี 2564 ลงมาอยู่ในกรอบ 0.0-1.5% จากเดิมคาดไว้อยู่ที่ 0.5-2% เนื่องจากเศรษฐกิจไทยยังเผชิญความเสี่ยงค่อนข้างมากจากการระบาดระลอกใหม่ที่รวดเร็วและรุนแรง กระทบต่ออุปสงค์ในประเทศ แม้เศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวชัดเจนขึ้นต่อเนื่องจะส่งผลดีต่อแนวโน้มส่งออกของไทยในระยะต่อไป

แต่ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโควิด-19 และมาตรการเพิ่มเติมของรัฐ แม้เศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวดีกว่าที่คาดไว้ โดย กกร. ได้ปรับเพิ่มประมาณการการส่งออกปี 2564 คาดขยายตัว 8-10% จากเดิมคาดไว้ที่ 5-7% ภายใต้เงื่อนไขสามารถควบคุมการระบาดในกลุ่มแรงงานภาคอุตสาหกรรมได้ และการฉีดวัคซีนให้แรงงานภายใต้ ม.33 ได้ทั่วถึง ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปยังคงจะอยู่ในกรอบ 1-1.2%

นายผยง ศรีวณิช

“ต้องยอมรับว่าการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่รุนแรงและยาวนานขึ้นกว่าที่ประเมินไว้ก่อนหน้า และรุนแรงขึ้นจากเชื้อไวรัสโควิด-19 กลายพันธุ์ โดยเฉพาะสายพันธุ์เดลต้า ทำให้จำเป็นต้องใช้มาตรการที่เข้มงวดในการควบคุมการระบาด แต่ภาคการผลิตของไทยยังมีความเสี่ยงจากการระบาด และการกระจายวัคซีนที่ยังไม่ทั่วถึง ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการดำเนินธุรกิจ การจ้างงานและรายได้แรงงานในพื้นที่ควบคุม อีกทั้งมาตรการจำกัดการเดินทางและข้อจำกัดในการกักตัว ยังส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวในประเทศตลอดช่วงไตรมาส 3/2564 และอาจกระทบต่อแผนการเปิดประเทศ”

นอกจากนี้ เศรษฐกิจไทยยังต้องการแรงสนับสนุนจากทั้งนโยบายการเงินและการคลังเพิ่มเติม เพื่อพยุงกิจกรรมทางเศรษฐกิจในระยะข้างหน้า เพราะการแพร่ระบาดที่มีแนวโน้มยืดเยื้อทำให้ผู้ประกอบการขาดความเชื่อมั่น สะท้อนการสำรวจโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในเดือนมิ.ย. ที่พบว่า ผู้ประกอบการคาดการณ์ว่าธุรกิจอาจจะฟื้นตัวได้ในครึ่งหลังของปี 2565 เป็นต้นไป ซึ่งช้ากว่าเดิม 6 เดือน

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ยอมรับมีความเป็นไปได้ที่จีดีพีปีนี้ของไทยจะติดลบ หากการแพร่ระบาดยังดำเนินอยู่ในลักษณะนี้ต่อไปและไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ให้คลี่คลายลงได้ และอาจนำไปสู่ความจำเป็นที่รัฐต้องประกาศพื้นที่ล็อกดาวน์เพิ่มเติม ประกอบกับนักท่องเที่ยวไม่สามารถเข้ามาได้ตามเป้าหมายที่วางแผนไว้

“หากสถานการณ์ไม่ดีขึ้น ก็มีโอกาสที่จีดีพีของไทยจะติดลบ แต่ขณะนี้ยังไม่มีอะไรแน่นอน ต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินสถานการณ์และแนวโน้มเศรษฐกิจต่อไป ดังนั้นรัฐควรเร่งฉีดวัคซีนให้ประชาชนอย่างทั่วถึง เนื่องจากเดือนมิ.ย. 2565 ไทยจะได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปก : APEC 2022) ถือเป็นโอกาสฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ หากไม่เร่งดำเนินการ ไทยจะเสียโอกาส”

นอกจากนี้ ควรเร่งแผนจัดหาวัคซีนและมีจุดยืนชัดเจนทางเลือกเป็นวัคซีนเข็มที่ 3 เพื่อพลิกสถานการณ์สร้างความเชื่อมั่นและความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวหรือนักลงทุนต่างชาติที่จะเข้ามาลงทุนในระยะยาว

อย่างไรก็ตาม กกร.ขอเสนอให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เพิ่มวงเงินค้ำประกันให้แก่ลูกหนี้ของธนาคารเป็น 70% จากเดิม 40% และจัดกลุ่มลูกหนี้ที่เป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 แยกจากลูกหนี้เอ็นพีแอลทั่วไป รวมถึงยกเว้นค่าธรรมเนียมค้ำประกันในปีที่ 1-3 เนื่องจากอยู่ในช่วงเดือดร้อนที่สุด เพื่อช่วยลดภาระให้ผู้ประกอบการ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน