นายกฯ ประยุทธ์ เปิดเวที หารือ 40 CEOs พลัส ร่วมกับ หอการค้าไทย เสนอ 4 เรื่องเร่งด่วน แก้ปัญหาโควิด-19

วันที่ 21 ก.ค.2564 นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยภายหลังการประชุมหารือ ผ่านระบบ วิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ของคณะผู้บริหารหอการค้าไทย และ 40 CEOs พลัส กับ นายกรัฐมนตรี เรื่องการแก้ไขปัญหาสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ภาคเอกชนมีความเป็นห่วงและกังวล เรื่องการจัดหาและจัดสรรวัคซีนที่ยังไม่เป็นไปตามเป้าหมาย รวมทั้งตัวเลขผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตที่ยังเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และสถานการณ์เศรษฐกิจที่ถดถอยและซบเซาอย่างมาก

หอการค้าไทยและภาคเอกชน 40 CEOs พลัส พร้อมที่จะสนับสนุนและมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา เพื่อฝ่าวิกฤตในครั้งนี้ไปด้วยกันกับภาครัฐ โดยการหารือในครั้งนี้ภาคเอกชนพร้อมให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์จริงที่เกิดขึ้น สำหรับเป็นแนวทางวางแผนเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อที่ทุกฝ่ายจะได้เตรียมการรับมืออย่างมีประสิทธิภาพ โดยได้เสนอแนวทางและความคิดเห็น 4 ประเด็น ดังนี้

สอนมวยรัฐบาล

1.การควบคุมการแพร่ระบาด ด้วยการจัดสรรและกระจายวัคซีนอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยศูนย์ฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาล ทั้ง 25 ศูนย์ ของภาคเอกชนร่วมกับ กทม. มีความสามารถที่จะเสริมการฉีดและรองรับการกระจายวัคซีนได้ทุกกลุ่มอายุ โดยสามารถแบ่งเบาภาระของโรงพยาบาลได้

การจัดยา อุปกรณ์ทางการแพทย์ และมาตรการ Isolation จัดให้มี Rapid Tests อย่างทั่วถึง สนับสนุนให้เอกชนจัดสถานที่ Isolation จัดให้มียารักษาอย่างพอเพียง เพิ่มจำนวนเตียงผู้ป่วยหนักและ ICU โดยเฉพาะในเขตสีแดงและแดงเข้ม

2.การเยียวยาผู้ประกอบการและประชาชน ด้วยการขยายมาตรการที่เคยดำเนินการไว้ก่อนหน้านี้ ในกรณีที่นายจ้างต้องหยุดประกอบกิจการตาม คำสั่งของราชการตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อหรือกฎหมายว่าด้วยการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน จากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ที่เกินกว่า 90 วัน ให้ได้รับการช่วยเหลือ

เร่งรัดออกมาตรการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานต่างด้าว ในอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเข้มข้น เร่งรัดการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้กับแรงงานไทยและแรงงานต่างด้าวในประเทศ
เร่งรัดขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวทุกกลุ่มที่ใบอนุญาตให้ทำงานสิ้นสุดลงตามผลของ กฎหมาย ตามมติ คณะรัฐมนตรี เร่งรัดการเจรจาเพื่อนำเข้าแรงงานต่างด้าว MOU จำนวน 500,000 ราย พร้อมทั้ง กำหนดแนว ทางการนำแรงงานใหม่เข้ามาโดยต้องปฏิบัติตามมาตรการการกักตัวและตรวจเชื้อโควิด-19 อย่างเคร่งครัดเร่งตรวจเชิงรุกในโรงงาน เพื่อป้องกันภาคการผลิตไม่ให้หยุดชะงัก

3.การกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการกระตุ้นผู้มีรายได้ และผู้มีกำลังซื้อสูง นำมาตรการ “ช้อปดีมีคืน” กลับมาอีกครั้ง โดยเพิ่มวงเงิน ไม่ต่ำกว่า 100,000 บาท ซึ่งจะสามารถกระตุ้นให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบได้ไม่ต่ำกว่าแสนล้านบาทภายใน 1 ไตรมาส

รัฐบาล

กระตุ้นเศรษฐกิจจากภาคเอกชนให้ลงทุนเพิ่ม ซึ่งจะทำให้ภาคการลงทุนคึกคัก และเกิดการจ้างงานหลายแสนรายโดยภาคเอกชน ซึ่งอยากให้ได้รับดอกเบี้ยเงินกู้ที่ต่ำพิเศษจากสถาบันการเงิน และสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากรัฐบาล และ BOI เร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐทบทวนความพร้อมของประเทศในการเข้าสู่ New Economy โดยกำหนดนโยบาย และกฎหมายที่ชัดเจนเฉพาะธุรกิจบางประเภท และกำหนดโครงสร้างฐานภาษีใหม่

4.การฟื้นฟูประเทศไทย ด้วยการเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส ตั้งคณะกรรมการร่วมรัฐเอกชน เพื่อแสวงหาโอกาสที่เกิดขึ้นในสถานการณ์โควิด โดยมีตัวอย่างความร่วมมือของ Alliances for Actions (AfA) จากประเทศสิงคโปร์ มุ่งเป้าความสำเร็จในเรื่องที่มี Impact สูง และคนไทยได้ประโยชน์ เช่น เกษตรสมัยใหม่ ท่องเที่ยวคุณภาพสูง การศึกษายุคใหม่ และ Food for future เป็นต้น

การฟื้นฟูเศรษฐกิจ ด้วย Digital Transformation โดยเสนอให้มี Super App. ที่ช่วยอำนวยความสะดวกกับนักท่องเที่ยวแบบครบวงจร ซึ่งต้องเกิดจากการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชน และกำหนดเจ้าภาพที่ชัดเจน

สอนมวยรัฐบาล

นายสนั่น ยังกล่าวอีกว่า นายกรัฐมนตรีได้มอบแนวทางและนโยบายเพิ่มเติมเพื่อการบูรณาการทำงานร่วมกันกับภาคเอกชนและขอบคุณภาคเอกชนที่ช่วยสนับสนุนการป้องกันการระบาด ให้ประชาชนในทางต่างๆ โดยภาครัฐก็ยินดีสนับสนุนให้ภาคเอกชนช่วยเหลือประชาชนร่วมกัน ขณะที่ นายกฯได้ระบุว่า รัฐบาลเปิดโอกาสให้เอกชนช่วยเจรจาหาวัคซีนที่ดีมีคุณภาพ เสริมจากที่ทางรัฐบาลได้เตรียมการไว้ เพื่อให้ประชาชนได้วัคซีนเร็วที่สุด ในส่วนของประเด็นการกระตุ้นเศรษฐกิจและดึงดูดการลงทุนที่ได้มีการหารือในวันนี้ นายกรัฐมนตรีพร้อมเปิดให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อน และข้อเสนอแนะของ 40 CEOs พลัส นายกฯ ได้รับไว้ และจะพิจารณาดำเนินการร่วมกันต่อไป

อย่างไรก็ตาม หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย รวมถึงผู้บริหาร 40 CEOs พลัส ขอขอบคุณนายกรัฐมนตรีและคณะ ที่ได้รับฟังข้อเสนอแนะต่าง ๆ จากภาคเอกชนในวันนี้ โดยภาคเอกชนพร้อมที่จะสนับสนุนและบูรณาการการทำงานร่วมกับภาครัฐ เพื่อให้ภารกิจในการควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นไปอย่างบรรลุเป้าหมาย และเพื่อให้เกิดการฟื้นฟูเศรษฐกิจของไทยให้เข้มแข็งต่อไป

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน