ศบศ.เคาะต่างชาติอยู่ภูเก็ต 7 วัน ข้ามไปเที่ยว 9 เกาะ-จังหวัดอื่นได้ แต่ต้องพํานักในพื้นที่นั้นอีกอย่างน้อย 7 วัน เริ่ม 1 ส.ค.นี้

วันที่ 22 ก.ค.64 นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน โพสต์เฟซบุ๊ก สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ ภายหลังการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบการระบาดของโควิด-19 (ศบศ.) ครั้งที่ 3/2564 ในวันที่ 22 ก.ค.64 ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ผ่านระบบ VDO Conference โดยที่ประชุมได้รับทราบและพิจารณาเห็นชอบวาระที่สําคัญทั้งเรื่องเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว

โดยที่ประชุมศบศ.มอบหมายให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดทํารายละเอียดแผนการเชื่อมโยงให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ สามารถเดินทางระหว่างจ.ภูเก็ตและพื้นที่นําร่องอื่น (Island hopping) เพื่อนําเสนอให้ที่ประชุมศบค. พิจารณาและให้พิจารณาจัดทําแผนการเปิดรับนักท่องเที่ยวในพื้นที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ที่มีศักยภาพ เพื่อนําเสนอให้ที่ประชุมศบศ. และศบค.ต่อไป

สำหรับความคืบหน้ามาตรการภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ ( Phuket Sandbox ) ณ วันที่ 22 ก.ค. 64 ททท.รายงานว่ามีนักท่องเที่ยวสะสมตั้งแต่วันที่ 1-21 ก.ค.64 รวม 9,358 คน ไม่พบเชื้อโควิด-19 จํานวน 9,339 คน พบเชื้อโควิด-19 จํานวน 19 คน ยอดการจองห้องพักตามมาตรฐาน SHA+ สะสมระหว่างเดือน ก.ค.-ก.ย. อยู่ที่ 244,703 คืน คิดเป็นอัตราการเข้าพัก 10.12% สร้างรายรับการท่องเที่ยว 534.31 ล้านบาท

“ที่ประชุมเน้นย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆ ดําเนินการอย่างเคร่งครัดในการร่วมมือกันเพื่อควบคุมการระบาดให้ดี โดยที่ประชุมเห็นชอบ หลักการแนวทางการให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้าร่วม แซนด์บ็อกซ์ เดินทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงระหว่างจังหวัดภูเก็ตกับพื้นที่นําร่องอื่น (7+7) นักท่องเที่ยวพํานักภายในพื้นที่จ.ภูเก็ตเป็นเวลา 7 วัน สามารถเดินทางท่องเที่ยวและต้องพํานักในพื้นที่อื่นๆ อีกเป็นเวลาอย่างน้อย 7 วัน ได้แก่ จ.สุราษฎร์ธานี ได้แก่ เกาะสมุย เกาะพงัน และเกาะเต่า จ.กระบี่ ได้แก่ เกาะพีพี เกาะไหง และไร่เล และจ.พังงา ได้แก่ เขาหลัก เกาะยาวน้อย และเกาะยาวใหญ่ มีกําหนดเริ่มดําเนินการในวันที่ 1 ส.ค. นี้”

นายสุพัฒนพงษ์ ระบุเพิ่มเติมว่า ที่ประชุมได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆ ดําเนินการดังนี้ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ดังกล่าวประสานภาคเอกชนและภาคประชาชน เพื่อสร้างความเข้าใจของคนในพื้นที่ร่วมกัน และพิจารณาจัดเตรียมแผนการดําเนินการบนระเบียบ หลักเกณฑ์ และมาตรฐานเดียวกับการดําเนินการของ แซนด์บ็อกซ์ เพื่อมุ่งเน้นความปลอดภัยและการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในพื้นที่

นอกจากนี้ ให้มีการปรับข้อจํากัดต่างๆ และอํานวยความสะดวกเพื่อดึงดูดชาวต่างชาติที่เป็นกลุ่มเป้าหมายที่สําคัญ ตามข้อเสนอของทีมปฏิบัติการเชิงรุกทาบทามทั้งบริษัทเอกชนไทยและต่างประเทศ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศในระยะยาว ประกอบด้วย หลักการของข้อเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุน โดยการดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงเข้าสู่ประเทศไทย โดยการปรับข้อจํากัดต่างๆ

ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศในระยะยาว ประกอบด้วย กลุ่มประชากรโลกที่มีความมั่งคั่งสูง (Wealthy Global Citizen) ,ผู้เกษียณอายุจากต่างประเทศ (Wealthy Pensioner) ,กลุ่มที่ต้องการทํางานจากประเทศไทย (Work-from-Thailand Professional) และ กลุ่มผู้มีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษ (High-Skilled Professional) โดยที่ประชุมได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาข้อเสนอในรายละเอียดต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน