โพล ส.อ.ท. ชี้ล็อกดาวน์จำกัดพื้นที่คุมโควิดได้ผล – ซัดเจ้าหน้าที่ไม่เข้มงวดสกัดต่างด้าวลักลอบเข้าเมืองทำให้มาตรการขาดประสิทธิภาพ

ส.อ.ท. ชี้ล็อกดาวน์ได้ผล – นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลสำรวจส.อ.ท.โพล (FTI Poll) ครั้งที่ 9 ในเดือนส.ค. 2564 ในหัวข้อ “Lockdown อย่างไร เพื่อให้เกิดความสมดุลระหว่างเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม และสาธารณสุข” พบว่าผู้บริหาร ส.อ.ท. ส่วนใหญ่ 78.1% มองว่ามาตรการล็อกดาวน์ที่ภาครัฐดำเนินการอยู่ในปัจจุบันนั้น สามารถควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ได้ในขอบเขตที่จำกัด มีเพียง 15.4% มองว่ารัฐบาลไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ และ 6.5% มองว่ารัฐบาลสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โดยสาเหตุหลักที่ภาครัฐไม่สามารถควบคุมอัตราการแพร่ระบาดโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้น 72.6% มองว่าเกิดจากความไม่เข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมาย เช่น กรณีการลักลอบเข้าเมืองของแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย ขณะที่ 65.2% มองว่าเพราะความไม่ชัดเจนในแนวปฏิบัติที่แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ อีก 60.2% มองว่าภาครัฐขาดการบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน และ 52.2% เป็นเพราะขาดมาตรการสนับสนุนสร้างแรงจูงใจให้ประชาชนอยู่กับบ้าน

นอกจากนี้ ผู้บริหาร ส.อ.ท. 73.6% เห็นว่าควรมีการผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์ให้ผู้ที่ได้รับวัคซีน 2 เข็ม สามารถเข้าใช้บริการร้านอาหารและกิจการบางประเภทได้ เช่น ร้านอาหาร สถานเสริมความงาม ควบคู่กับ 69.7% เห็นว่าควรนำเทคโนโลยีมาใช้ในการติดตามประวัติการเดินทาง ควบคุมผู้มีความเสี่ยง และระบบรับรองผู้ได้รับวัคซีน 2 เข็ม (Certificate of Entry) รวมทั้ง 68.7% ให้มีการตรวจและติดตามเชิงรุกเพื่อคัดแยกตัวผู้ป่วย และ 68.2% เห็นควรอนุญาตให้เปิดธุรกิจบริการบางประเภท โดยจำกัดขนาดพื้นที่ต่อจำนวนคน และห้ามกิจกรรมรวมหมู่

โดยเฉพาะ 91% ขอให้มีการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคในกลุ่มธุรกิจร้านอาหาร รองลงมา 80.6% ให้ผ่อนคลายมาตรการในธุรกิจห้างสรรพสินค้าและร้านค้า ส่วน 70.1% ให้ผ่อนคลายมาตรการในธุรกิจการท่องเที่ยวในจังหวัด มี 65.2% ให้ผ่อนคลายมาตรการในธุรกิจการก่อสร้าง อีก 48.3% ให้ผ่อนคลายในธุรกิจการบิน และ 47.3% ให้ผ่อนคลายในธุรกิจกีฬาและสันทนาการบางประเภท

“ผู้ประกอบการถึง 91% เสนอให้ภาครัฐเร่งใช้งบประมาณในการจัดหาและสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการซื้อชุดตรวจโควิด-19 ให้แก่โรงงาน เพื่อสุ่มตรวจหาผู้ติดเชื้อตามมาตรการควบคุมการแพร่เชื้อโควิดในสถานประกอบการก่อนเป็นเรื่องเร่งด่วน ผู้ประกอบการ 72.1% เสนอให้รัฐจัดโมบาย ยูนิต ฉีดวัคซีนให้แก่แรงงานในสถานประกอบการ ส่วนผู้ประกอบการ 70.6% รัฐควรสนับสนุนงบประมาณให้การจัดตั้งโรงพยาบาลสนามและพื้นที่คัดแยกผู้ป่วยภายในโรงงาน และ 62.7% เสนอให้รัฐจ่ายเงินชดเชยให้แก่ผู้ประกอบการในกรณีถูกสั่งปิดกิจการ”

อย่างไรก็ตาม 81.1% เห็นว่าธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์ ควรได้รับการพักชำระหนี้และหยุดคิดดอกเบี้ย สำหรับกิจการที่ถูกสั่งปิดเป็นระยะเวลา 6 เดือน มี 75.1% ให้ชดเชยค่าจ้างขั้นต่ำตามจำนวนแรงงานให้แก่ผู้ประกอบการ เพื่อรักษาการจ้างงาน ส่วน 65.7% ขอให้รัฐสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการประกอบการแก่เอสเอ็มอีในอัตรา 50% เช่น มาตรการคนละครึ่ง-ภาคเอสเอ็มอี และ 62.7% เสนอให้รัฐยกเว้นภาษีนิติบุคคลให้ธุรกิจเอสเอ็มอีเป็นระยะเวลา 3 ปี สำหรับผู้ที่เข้าระบบภาษีออนไลน์

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน