ททท. เล็งขอ ศบศ. ตรวจต่างชาติเข้าที่ยวไทยหาเชื้อโควิดแค่ครั้งเดียวเพื่อลดค่าใช้จ่าย ขณะที่ดูไบก็ไม่ปลื้ม

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า เตรียมเสนอที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ (ศบศ.) ของลดการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR หากต้องการเดินทางท่องเที่ยวประเทศไทย ภายใต้โครงการต่างๆ อาทิ ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ จากเดิมตรวจ 3 ครั้งเหลือให้ตรวจเพียงครั้งเดียว เพื่อลดค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติ

นายชัยวัฒน์ ตามไท ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานดูไบ กล่าวว่า ตั้งแต่เปิดภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ เป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคตะวันออกกลางอย่างมาก ซึ่งนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้นิยมเที่ยวแบบเป็นครอบครัวมีค่าใช้จ่ายสูงถึง 15,000 บาทต่อคนต่อวัน หรือ เฉลี่ยทริปละ 105,000 บาทต่อคน เพราะนิยมช็อปปิ้ง ทานอาหารร้านดีๆ มีชื่อเสียง แต่เขามีความรู้สึกว่าการเดินทางเข้า ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ จะต้องจ่ายค่าตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR รวม 3 ครั้ง ในราคา 5,800 บาท ซึ่งเป็นต้นทุนการท่องเที่ยวที่สูง เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับการตรวจในประเทศเพียงครั้งละ 100-200 บาท หรือบางครั้งตรวจฟรี ประกอบกับเขามีความรู้สึกว่าการยื่นขอหนังสืออนุญาตเดินทางเข้าไทย (COE) มีความยุ่งยาก จึงมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากที่ยังไม่ตัดสินใจเดินทางมา

ทั้งนี้ ตั้งแต่เปิดภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ มีนักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลางเดินทางมาร่วม 7,000 คน แบ่งเป็นเดือนก.ค. 5,000 คน เดือนส.ค. 2,000 คน ส่วนเดือนก.ย. คงน้อยลง เพราะเป็นช่วงเปิดเทอม ส่วนไตรมาส 4 (ต.ค.-ธ.ค.) คาดว่าจะมีจำนวน 20,000 คน ส่วนในปี 2565 คาดว่าจะมีจำนวน 200,000 คน เมื่อเทียบกับปีก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19 มีจำนวน 500,000 คน โดยจะเดินทางท่องเที่ยวระหว่างเดือนเม.ย.-ส.ค. ประเทศที่นิยมเดินทางมา ประกอบด้วย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ คูเวต บาห์เรน การ์ตา ส่วนโอมานและจอร์แดนยังอยู่ในกลุ่มประเทศความเสี่ยงสูง ทำให้จำนวนเดินทางมาไทยและรอจนกว่าไทยจะลดระดับลง

“กลยุทธ์การตลาดที่ ททท. สำนักงานดูไบ ดำเนินการได้มุ่งเน้นเจาะกลุ่มลักชัวรี่ กลุ่มที่มาเล่นกอล์ฟ ล่องเรือยอร์ช เช่น ในไตรมาส 4 เน้นพื้นที่ Phuket 7+7 Extension และพื้นที่นำร่องของไทยที่กำลังจะเปิดเพิ่มเติม ร่วมกับสายการบินกาตาร์ แอร์เวย์ โดยเน้นเจาะนักท่องเที่ยวผู้โดยสารชั้นธุรกิจและสมาชิกบัตรทองของสายการบินเป็นต้นไป เพื่อกระตุ้นการเดินทางของนักท่องเที่ยวระดับกลาง-บน จากพื้นที่ประเทศกาตาร์และตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพ มีการใช้จ่ายเฉลี่ยต่อทริปวันสูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก”