นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานกรรมการหอการค้าไทย และประธานคณะกรรมการส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ กล่าวว่า ได้รับข้อร้องเรียนจากสมาชิกสมาคมการค้าที่เกี่ยวข้อง อาทิ สมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป สมาคมบรรจุภัณฑ์โลหะไทย สมาคมอุตสาหกรรมทูน่าไทย สมาคมการค้าอาหารสัตว์เลี้ยงไทย เป็นต้น ถึงปัญหาและผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมจากมาตรการการทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นเคลือบดีบุก (Tin Plate) และเหล็กแผ่นเคลือบโครเมียม (Tin Free Steel)
ส่งผลให้ราคากระป๋องและฝาต้องขยับขึ้นตามราว 50% กระทบต้นทุนอาหารกระป๋องในกลุ่มอาหารทะเลเพิ่มขึ้นราว 15-25% และสินค้ากลุ่มผักผลไม้เพิ่มขึ้นราว 30-50% ในขณะที่อุตสาหกรรมยานยนต์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในประเทศมีความต้องการใช้เหล็กมากขึ้น ราคาเหล็กทุกชนิดจึงขยับตัวขึ้นอย่างรุนแรง
อีกทั้งสถานการณ์ในปัจจุบัน ผู้ประกอบการอาหารแปรรูป ยังได้รับผลกระทบจากการขนส่งสินค้าทางเรือโดยเฉพาะค่าระวางเรือที่ยังมีราคาสูงขึ้นหลายร้อยเปอร์เซ็นต์อย่างต่อเนื่อง และปัญหาสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารที่ทำให้ค่าใช้จ่ายของสมาชิกเพิ่มขึ้นจำนวนมาก จากมาตรการดูแล ป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ตามที่ภาครัฐกำหนด ดังนั้น หากมีการพิจารณามาตรการภาษีการตอบโต้การทุ่มตลาด (Anti-dumping : AD) สำหรับแผ่นเหล็กทินเพลตและทินฟรี ขึ้นมานั้นจะเป็นการซ้ำเติมปัญหาที่มีอยู่
สาเหตุสำคัญที่ทำให้ราคาแผ่นเหล็กโลกราคาขึ้นเกิดจากรัฐบาลจีนลดการอุดหนุนการส่งออกสินค้าเหล็ก เพื่อสงวนไว้ใช้ในประเทศ โดยประกาศยกเลิกการคืนภาษีเพื่อการส่งออก (Export Tax Rebates) 13% มีผลบังคับใช้วันที่ 1 พ.ค. 2564 สำหรับแผ่นเหล็กทินฟรี และแผ่นเหล็กทินเพลท มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. 2564 ราคาแผ่นเหล็กนำเข้าจากจีนจึงมีราคาแพงขึ้น
โดยประเทศไทยมีผู้ผลิตแผ่นเหล็กสำหรับทำกระป๋องเพียง 2 ราย ซึ่งมีความสามารถในการผลิตรวมกันไม่ถึง 50% ของความต้องการใช้ในประเทศซึ่งอยู่ที่ปีละราว 600,000 ตัน ผู้ผลิตกระป๋องจึงมีความจำเป็นต้องนำเข้าแผ่นเหล็กทินเพลตและทินฟรี เพื่อชดเชยส่วนที่ขาดแคลนซึ่งผู้ผลิตแผ่นเหล็กทั้งสองรายไม่สามารถผลิตได้
ซึ่งบริษัทผู้ผลิตแผ่นเหล็กทั้ง 2 ราย ได้ร่วมกันยื่นคำร้องขอให้กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ออกมาตรการ AD สำหรับแผ่นเหล็กทินเพลตและทินฟรีที่นำเข้าด้วยเหตุผลว่าบริษัทได้รับความเสียหายจากการโจมตีราคาจากแผ่นเหล็กนำเข้า ซึ่งข้อเท็จจริงอีกส่วนหนึ่งที่ควรนำมาพิจารณาควบคู่กันคือ ความสามารถในการผลิตของบริษัททั้งสอง ทำได้เพียงครึ่งหนึ่งของความต้องการใช้ของอุตสาหกรรมภายในประเทศเท่านั้น
ดังนั้น หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมที่เกี่ยวข้อง ขอนำเสนอข้อเสนอที่เหมาะสมต่อสถานการณ์ปัจจุบันอย่างเร่งด่วน เพื่อให้กระทรวงพาณิชย์พิจารณาดำเนินการ ดังนี้ 1. ขอให้ชะลอการใช้มาตรการ AD เป็นเวลา 18 เดือน เพื่อเปิดโอกาสให้สามารถนำเข้าแผ่นเหล็กมาผลิตได้ และป้องกันการขาดแคลนกระป๋องในอุตสาหกรรมต่างๆ
2. ขอให้รัฐสนับสนุนการเปิดเวทีเจรจาร่วมกัน 3 ฝ่าย ระหว่างผู้ผลิตแผ่นเหล็ก ผู้ผลิตกระป๋อง และผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป เพื่อหาแนวทางบริหารการใช้แผ่นเหล็กในประเทศ และแผ่นเหล็กนำเข้าอย่างสมดุล ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นว่าแผ่นเหล็กทินเพลตและทินฟรีภายในประเทศ จะมีเสถียรภาพด้านปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการใช้ในประเทศ และช่วยบรรเทาความเดือดร้อนด้านราคาที่สูงมากของแผ่นเหล็ก ซึ่งจะส่งผลดีต่อทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งห่วงโซ่อุปทาน
3. ขอให้กระทรวงพาณิชย์ นำข้อเสนอดังกล่าวนี้ ไปร่วมพิจารณาในการประชุม AD แผ่นเหล็กในการประชุมครั้งต่อไป