‘พิพัฒน์’ จ่อคุยทูตจีน หวังดึงเที่ยวไทย ลุ้นปีนี้รับต่างชาติ 1 ล้านคน หลังเปิดประเทศไม่กักตัว ด้าน ททท.ตั้งเป้ากวาด 3,000 ล้านบาทจากตลาดจีนช่วง ต.ค.2564-มี.ค.2565

เมื่อวันที่ 12 ต.ค. 2564 นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่’พิพัฒน์’าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 11 ต.ค.2564 เรื่องการเปิดประเทศ 1 พ.ย.2564 เป็นต้นไป เพื่อรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแบบไม่ต้องกักตัว และไม่จำกัดพื้นที่ หากฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว และต้องมีผลการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR ระยะเวลาไม่เกิน 72 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง

โดยเป็นนักท่องเที่ยวจากประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ และเป็นประเทศที่มีผลต่อเศรษฐกิจสูง กำหนดไว้อย่างน้อย 10 ประเทศ เช่น อังกฤษ สิงคโปร์ เยอรมนี จีน และสหรัฐ โดยในที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) วันที่ 14 ต.ค.นี้ จะมีการเสนอรายชื่อประเทศความเสี่ยงต่ำเพิ่มเป็น 20 ประเทศ ซึ่งมีการเสนอรายชื่อเบื้องต้นให้ที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก. ศบค.) พิจารณาเมื่อวันที่ 12 ต.ค.ที่ผ่านมา

“ททท.ตั้งเป้าว่าตลอดปี 2564 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติฯ เดินทางมาไทย 1 ล้านคน สร้างรายได้รวมการท่องเที่ยวจากทั้งตลาดในและต่างประเทศที่ 3.2 แสนล้านบาท ขณะที่ปี 2565 ตั้งเป้าหมายว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่น้อยกว่า 10 ล้านคน คิดเป็น 1 ใน 4 ของยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติ 40 ล้านคนเมื่อปี 2562 มีรายได้รวมฯ 1.5 ล้านล้านบาท คิดเป็น 50% ของรายได้รวมฯปี 2562 ส่วนปี 2566 ตั้งเป้ามีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 20 ล้านคน คิดเป็น 50% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติปี 2562 และหนุนรายได้รวมฯเพิ่มเป็น 2.4 ล้านล้านบาท คิดเป็นการฟื้นตัว 80% ของรายได้รวมฯปี 2562”

นายยุทธศักดิ์ กล่าวต่อว่า หลังเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวตามเป้าหมายรับ 10 ประเทศที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูง คาด 2 เดือนสุดท้าย จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยได้เพิ่มขึ้น ส่วนประเทศจีนซึ่งเป็นตลาดหลักของภาคท่องเที่ยวไทย เมื่อปี 2562 มีจำนวนนักท่องเที่ยวจีนมาเยือนไทยมากถึง 11 ล้านคน

จากแถลงการณ์เปิดประเทศล่าสุดของนายกฯ ทางนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เตรียมเข้าพบเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยเพื่อหารือเกี่ยวกับเรื่องนี้ พร้อมสั่งการให้สำนักงาน ททท.ในประเทศจีนไปหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และขอความร่วมมือจากภาคเอกชน เช่น สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) เจรจากับคู่ค้าเพื่อเตรียมดึงกรุ๊ปทัวร์จีนเดินทางเข้าไทยหลังอีเวนต์สำคัญของประเทศจีนอย่างการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาว 2022 และเทศกาลตรุษจีนในช่วงต้นปีหน้า การเปิดให้จีนเดินทางเข้าประเทศไทยโดยไม้องกักตัว เป็นเหมือนการทอดไมตรีแก่ประเทศจีน โดยหวังว่าคนจีนจะเดินทางเข้ามาเที่ยวเมืองไทยในไม่ช้า

“ไทยทอดสะพานให้จีนเขารู้ว่าเราจริงใจกับเขา อยากให้ชาวจีนที่คิดถึงเมืองไทยได้เดินทางเข้ามาท่องเที่ยว ส่วนเขาจะมาได้หรือไม่ได้ก็อีกเรื่องหนึ่ง ขึ้นอยู่กับนโยบายของประเทศต้นทาง ทั้งนี้ก่อนหน้าที่นายกฯ จะออกแถลงการณ์เปิดประเทศ 1 พ.ย.64 ททท.ได้ตั้งเป้าไว้ว่าจะมีรายได้จากตลาดจีนเที่ยวไทยในช่วง 6 เดือนนี้ ตั้งแต่เดือน ต.ค.2564-มี.ค.2565 ที่ 3,000 ล้านบาท ภายใต้เงื่อนไขการเดินทางมาพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว (แซนด์บ็อกซ์) อย่างน้อย 7 วันก่อนเดินทางไปเที่ยวพื้นที่อื่นในไทย”

นายยุทธศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า คำว่ารับนักท่องเที่ยวต่างชาติแบบไม่กักตัวนั้น หมายถึงนักท่องเที่ยวจะต้องได้รับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 โดยวิธี RT-PCR ณ สถานที่ที่ทางราชการกำหนด (ที่พักที่กำหนด) โดยนักท่องเที่ยวจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง และต้องอยู่ในโรงแรมที่พักที่ได้มาตรฐาน SHA+ เท่านั้นจนได้รับผลการตรวจ และเมื่อผลการตรวจหาเชื้อระบุว่าไม่พบเชื้อ จึงจะสามารถเดินทางท่องเที่ยวแบบไม่กักตัวและไม่จำกัดพื้นที่ โดยสามารถเปลี่ยนไปเข้าพักโรงแรมอื่นได้

นายยุทธศักดิ์ กล่าวต่อว่า ถ้ามีการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน วันที่ 1 พ.ย.นี้ ททท.มองว่าน่าจะมีการยกเลิกการขอใบอนุญาตเดินทางเข้าประเทศไทย (COE : Certificate of Entry) เพราะเป็นเงื่อนไขที่ภาคเอกชนและนักท่องเที่ยวต่างสะท้อนความเห็นมาว่าเป็นเงื่อนไขที่ยุ่งยากและเป็นภาระของนักท่องเที่ยว เมื่อมีการผ่อนคลายข้อจำกัดการเดินทางมากขึ้น ก็ไม่ต้องผ่านขั้นตอนการขอ COE แต่นักท่องเที่ยวยังต้องแสดงเอกสารหลักฐานการฉีดวัคซีนครบโดส ผลการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR เอกสารการซื้อประกันโควิด-19 เอกสารการจองที่พักและชำระค่าตรวจหาเชื้อโควิด-19 ในไทย

“การยกเลิกขั้นตอนการขอ COE จะเป็นคุณหลายอย่าง ช่วยคลายล็อกความยุ่งยากให้แก่นักท่องเที่ยว ซึ่งปัจจุบันทางกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) กำหนดไว้ว่านักท่องเที่ยวจะต้องยื่น COE ภายในระยะเวลา 30 วันก่อนเดินทาง ยืนนานเกินกว่านั้นไม่ได้ แต่ประเด็นคือขัดกับพฤติกรรมการจองของนักท่องเที่ยวที่ต้องการยื่นล่วงหน้านานกว่า 30 วันเพื่อให้สอดรับกับดีลสินค้าท่องเที่ยวที่ถ้าจองซื้อล่วงหน้านาน ก็จะยิ่งได้ราคาดี”

อย่างไรก็ตาม เมื่อนักท่องเที่ยวจากกลุ่มประเทศความเสี่ยงต่ำที่รัฐบาลเตรียมอนุมัติให้เดินทางเข้ามาเที่ยวไทยได้แบบไม่กักตัวและไม่จำกัดพื้นที่ หากมีการยื่นขอ COE มาแล้วก่อนหน้านี้ และเดินทางเข้าไทยตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.นี้เป็นต้นไป เท่ากับว่าจะได้รับสิทธิเที่ยวได้แบบไม่กักตัวและไม่จำกัดพื้นที่ทันที

นายยุทธศักดิ์ กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายการตรวจหาเชื้อด้วยวิธี RT-PCR ทาง ททท.จะเสนอให้มีการตรวจด้วย ATK-Testสำหรับครั้งที่ 2 เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายแก่นักท่องเที่ยว แต่จะยังคงวิธีการตรวจ หาเชื้อครั้งที่ 1 เมื่อเดินทางมาถึงประเทศไทยด้วยวิธี RT-PCR เช่นเดิม หลังจากนำร่องดำเนินโครงการ “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” แล้วคัดกรองพบผู้ติดเชื้อจากการตรวจครั้งแรกเป็นส่วนใหญ่ เพื่อสร้างความสบายใจให้แก่คนไทยว่านักท่องเที่ยวจะไม่ใช่สาเหตุของการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน