ดัชนีความเชื่อมั่นอุตสาหกรรม ฟื้น 3 เดือนต่อเนื่อง ส.อ.ท. วอนรัฐเร่งฉีดวัคซีนเข็ม 2-3 ป้องกันโควิดสายพันธุ์โอมิครอน
– นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนพ.ย. 2564 อยู่ที่ระดับ 85.4 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ระดับ 82.1 ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศที่มีแนวโน้มคลี่คลายลง ขณะที่การฉีดวัคซีนมีความคืบหน้าอย่างชัดเจน ส่งผลให้ภาครัฐผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 แบบค่อยเป็นค่อยไป
ทั้งนี้ เห็นได้จากมีการปรับลดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ยกเลิกมาตรการห้ามออกนอกเคหสถาน (เคอร์ฟิวส์) ตลอดจนอนุญาตให้สถานที่หรือกิจการบางประเภทสามารถเปิดดำเนินการได้ เช่น ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร สถานเสริมความงาม สถานที่ออกกำลังกาย เป็นต้น
นอกจากนี้ ภาครัฐยังได้กำหนดพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว 4 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร กระบี่ พังงา และภูเก็ต รองรับการเปิดประเทศ ในวันที่ 1 พ.ย. 2564 จากมาตรการดังกล่าวส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่อุปสงค์ในประเทศทยอยฟื้นตัว
โดยสะท้อนได้จากดัชนีฯ คำสั่งซื้อและยอดขายสินค้าอุตสาหกรรมปรับตัวเพิ่มขึ้น เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์และเครื่องจักรกล กลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มอุตสาหกรรมก่อสร้างและเครื่องใช้ในบ้าน รวมถึงกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและยา เป็นต้น
ขณะเดียวกัน การส่งออกยังมีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าสำคัญ เช่น สหรัฐ จีน อาเซียน และอินเดีย ภายหลังสถานการณ์โควิด-19 ในหลายประเทศเริ่มมีทิศทางดีขึ้น
“แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงจากปัญหาราคาพลังงานและราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นจนกระทบต่อต้นทุนการผลิตและการขนส่ง ปัญหาขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์และอัตราค่าระวางเรือสูง รวมทั้งปัญหาขาดแคลนแรงงานในภาคการผลิตและการก่อสร้างยังเป็นปัจจัยกดดันต่อเนื่อง”
สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 97.3 จากเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนอยู่ที่ระดับ 95.0 เนื่องจากผู้ประกอบการเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยจะมีทิศทางดีขึ้นภายหลังจากภาครัฐผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง และการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 2564 ที่ผ่านมา ขณะที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไป
นอกจากนี้ ภาคการส่งออกยังคงมีแนวโน้มขยายตัวตามความต้องการสินค้าในตลาดโลกที่เพิ่มขึ้น แต่ผู้ประกอบการยังมีความกังวลเกี่ยวกับการกลับมาระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ จึงขอให้ภาครัฐเตรียมมาตรการรองรับหากมีการระบาดรอบใหม่ตลอดจนออกมาตรการตรวจสอบคัดกรองนักท่องเที่ยวอย่างเข้มงวด
นายสุพันธ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า รัฐควรเร่งฉีดวัคซีนเข็ม 2 ให้เร็วที่สุด รวมถึงการฉีดเข็ม 3 ที่มีความสามารถในการยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ตลอดจนเข้มงวดมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันการระบาดระลอกใหม่ พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ข้อมูลให้ประชาชนได้รับ ทราบถึงแนวทางป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ พร้อมเร่งจัดหาและนำเข้าแรงงานต่างด้าวภายใต้เอ็มโอยูเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาขาดแคลนแรงงานในภาคอุตสาหกรรม รวมทั้งแก้ไขปัญหาการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายตามแนวชายแดน
ขณะเดียวกัน ขอให้ภาครัฐออกมาตรการช่วยเหลือ และบรรเทาผลกระทบจากต้นทุนการผลิตที่ปรับตัวสูงขึ้น อาทิ พยุงราคาพลังงาน, ตรึงราคาค่าไฟฟ้า (เอฟที) และลดค่าสาธารณูปโภคทั้งไฟฟ้า, น้ำประปา รวมทั้งให้รัฐเร่งออกมาตรการช่วยเหลือและกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งผ่อนคลายกิจกรรมทางเศรษฐกิจภายใต้มาตรการควบคุมโรคในช่วงเทศกาลปีใหม่ เพื่อช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจ สนับสนุนสินค้าเมด อิน ไทยแลนด์ ผ่านการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐและเอกชนมากขึ้น
