นางชฎาทิพ จูตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท สยามพิวรรธน์ ผู้พัฒนาธุรกิจค้าปลีกและอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ เจ้าของและผู้บริหาร สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ หนึ่งในพันธมิตรเจ้าของไอคอนสยาม และสยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กรุงเทพ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ โควิด-19 สายพันธุ์ใหม่โอมิครอน ที่กำลังแพร่ระบาดในต่างประเทศ และเพิ่งเข้าไทยในขณะนี้ ยังไม่น่ากังวล ขณะที่ผู้บริโภคเองก็กลับมาจับจ่ายในห้างเป็นปกติแล้ว โดยเฉพาะช่วงเสาร์-อาทิตย์ คนค่อนข้างมาก สินค้าแบรนด์เนมจะเห็นว่ามีคิวรอเข้าร้านตั้งแต่เปิดห้าง

ดังนั้นจะเห็นได้ว่าสถานการณ์ดีขึ้นกว่าช่วงปีที่แล้วมาก ซึ่งบริษัทยังไม่กังวล อย่างไรก็ดี โอมิครอน ไม่ใช่เรื่องใหม่ ขณะที่ภาคเอกชนไทยแข็งแรง ผ่านหลายเหตุการณ์กันมามาก ซึ่งการกลับมาระบาดของโควิดในช่วงเดือนสุดท้ายของปี 2563 ที่ผ่านมานั้นผู้ประกอบการอาจยังปรับตัวไม่ทัน แต่ปีนี้ทุกคนเรียนรู้ที่จะปรับตัวได้แล้ว

“2 ปีที่ผ่านมาเป็นบทเรียนของทุกฝ่ายทั้งรัฐบาล ผู้ประกอบการ หรือแม้แต่ผู้บริโภค และถ้าการระบาดกลับมาอีกในฐานะผู้ประกอบการก็สามารถบริหารจัดการได้ แต่ถ้ามีเรื่องอื่นขึ้นมาเป็นใหม่ก็ค่อยว่ากัน แต่สิ่งบทเรียนสำคัญคือ ต้องบริหารความเปลี่ยนแปลงให้ได้ ปรับตัวให้เร็วที่สุดช้าไม่ได้ และเราต้องอยู่กับโควิดให้ได้ อย่างน้อยก็มีวัคซีนแล้ว ป้องกันได้ไม่ได้แต่อย่างน้อยก็มี”

นางชฎาทิพ กล่าวอีกว่า ล่าสุดสยามพิวรรธน์ได้ใช้เงินลงทุนกว่า 300 ล้านบาท เพื่อสร้างระบบฐานข้อมูลขนาดใหญ่และแอพพลิเคชันนี้ขึ้นมา โดยมุ่งเน้นให้สนับสนุนและส่งเสริมธุรกิจของบรรดาร้านค้าใน 4 ศูนย์การค้าของเรารวมถึงพันธมิตรกว่า 1,000 แบรนด์ ทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ได้เชิญมาร่วมใน Global Ecosystem นี้ นับเป็นปรากฏการณ์ครั้งแรกของการรวมพลังที่แข็งแกร่งและพร้อมเปิดตัว “ONESIAM SuperApp” แพลตฟอร์มที่จะเชื่อมโยงกว่า 13 อุตสาหกรรม ให้ใกล้ชิดผู้บริโภค โดยพันธมิตรในระบบนิเวศธุรกิจนี้เบื้องต้นจะเข้ามา 50 ราย และภายในสิ้นปี 2565 คาดว่าจะมีพันธมิตรเพิ่มเป็น 100 รายตามเป้าหมาย

“เราใช้ระยะเวลาเพียง 13 เดือน ในการปรับกลยุทธ์ และพัฒนาแอพพลิเคชันรูปแบบใหม่ที่จะทลายทุกข้อจำกัด และสามารถเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มต่างๆ อีกหลากหลายประเภทของพันธมิตรในระบบนิเวศธุรกิจ ภายใต้การนำของนายอริยะ พนมยงค์ ทำหน้าที่ประธานบริหารสายงานนวัตกรรม และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ผู้ก่อตั้งบริษัท Transformational โดยทำงานร่วมกับนายอักเซล วินเทอร์ ประธานบริหารสายงานดิจิทัล โดยใช้นวัตกรรมจากหลายองค์กรชั้นนำต่างประเทศ โดยใช้เงินลงทุนกว่า 300 ล้านบาท เพื่อสร้างระบบฐานข้อมูลขนาดใหญ่และแอพพลิเคชันนี้ขึ้นมา เพื่อมุ่งเน้นให้สนับสนุนและส่งเสริมธุรกิจของบรรดาร้านค้าใน 4 ศูนย์การค้าของเรารวมถึงพันธมิตรกว่า 1,000 แบรนด์ ทั้งในประเทศและต่างประเทศที่เราได้เชิญมาร่วมใน Global Ecosystem นี้”

นางชฎาทิพ กล่าวอีกว่า สยามพิวรรธน์ยังได้วางกลยุทธ์ให้ ONESIAM SuperApp เป็นศูนย์กลางในการแลกเปลี่ยนและใช้คะแนนสะสม ด้วยการสร้างผลิตภัณฑ์ดิจิทัลใหม่ภายใต้ VIZ COIN จากคะแนนสะสมแบบเดิมๆ โดย 1 VIZ COIN มีค่าเท่ากับ 1 บาท สามารถนำไปใช้จ่ายแทนเงินสดกับพันธมิตรทางธุรกิจต่างๆ เพื่อเป็นการส่งเสริมการขาย สร้างแบรนด์ สนับสนุนให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มยอดขายซึ่งกันและกันอย่างต่อเนื่องด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน