‘จุรินทร์’ แจงแนวทาง แก้หมูแพง เร่งผลิตลูกหมู 3 แสนตัว/สัปดาห์ ปล่อยเงินกู้ดอกถูกส่งเสริมการเลี้ยง เข้มฉวยโอกาสขายแพง ฟันโทษหนัก

วันที่ 21 ม.ค.65 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรมว.พาณิชย์ ตอบคำถามผู้สื่อข่าวถึงกรณีการแก้ปัญหาราคาหมูในประเทศว่า ภาพรวมของการแก้ปัญหาหมูนั้นทุกฝ่ายทราบแล้วว่าปริมาณหมูในระบบขาดแคลน โดยต้องดำเนินการร่วมกันหลายกระทรวง และนายกรัฐมนตรีก็เข้ามาช่วยดูแล สั่งการ

ซึ่งทางแก้ ประการ 1. ต้องเร่งเพิ่มปริมาณหมูในระบบ เพื่อให้ดีมานซัพพลาย มีความสมดุลขึ้น ราคาจะได้ปรับลดลงสู่ระดับที่สมดุลขึ้นกว่าในปัจจุบัน 2.เร่งส่งเสริมการเลี้ยงหมู ซึ่งขณะนี้รัฐบาลมีมติเตรียมดำเนินการวงเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ เงื่อนไขพิเศษ ให้กระทรวงการคลังดำเนินการเร่งส่งเสริมการเลี้ยงหมู วงเงิน 30,000 ล้านบาท และกรมปศุสัตว์ เร่งผลิตลูกหมูประมาณ 300,000 ตัวต่อสัปดาห์ และเร่งประสานงานกับผู้เลี้ยงหมูรายย่อย

รมว.พาณิชย์ กล่าวต่อว่า ส่วนของอาหารสัตว์ที่เป็นต้นทุนสำคัญในการเลี้ยงหมูมีความเห็นบางส่วนว่าควรปรับลดภาษีวัตถุดิบบางส่วนซึ่งเป็นหน้าที่กระทรวงการคลังพิจารณา ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ได้เร่งดำเนินการในเรื่อง 1.สั่งห้ามส่งออกหมูเป็นการชั่วคราว เพื่อให้หมูกลับสู่ระบบอีกประมาณ 1,000,000 ตัว

2. ติดตามการขายหมูตั้งแต่หน้าฟาร์ม โดยทำงานร่วมกับกรมปศุสัตว์ กำหนดราคาหมูหน้าฟาร์ม และกำหนดทิศทางราคาที่ควรจะเป็น โดยกรมการค้าภายในไม่ให้เข้าข่ายการค้ากำไรเกินควรหรือฉวยโอกาส เพื่อมุ่งเน้นให้ทั้งเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูมีรายได้ที่จูงใจ กลับเข้ามาเลี้ยงหมูต่อไป และมีกำไรพอยังชีพต่อไปได้ ขณะเดียวกันผู้ประกอบการก็อยู่ได้ ผู้บริโภคก็พอใจไม่เป็นภาระจนเกินสมควร

“สำหรับผู้ฉวยโอกาสในการขึ้นราคาสินค้าหรือค้ากำไรเกินควร ให้ดำเนินคดีโดยเคร่งครัด และที่ปรากฏเป็นกระแสข่าวว่าอาจจะมีการกักตุนเนื้อหมูในประเทศ ขณะนี้นายกรัฐมนตรีสั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดเป็นแกนสำคัญในการเข้าไปตรวจสต๊อกร่วมกับกรมปศุสัตว์และพาณิชย์จังหวัด

หากพบว่ามีการกักตุนสินค้าหรือฉวยโอกาสขึ้นราคา จะมีการดำเนินคดีลงโทษขั้นสูงสุด และฝากขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนช่วยเป็นหูเป็นตา หรือหากพบการกระทำความผิดหรือสงสัยว่าเป็นการกระทำความผิดขอให้ช่วยแจ้ง สายด่วน 1569 ด้วย เพื่อเจ้าหน้าที่จะได้ลงไปตรวจสอบและดำเนินการได้ทันที” นายจุรินทร์ กล่าว

นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ในภาพรวมเรื่องราคาสินค้าในส่วนความรับผิดชอบของกระทรวงพาณิชย์ ได้สั่งการให้ตั้งวอรูมทั้งในกรุงเทพมหานคร และทุกจังหวัดโดยมอบหมายให้ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานในระดับประเทศและผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดเป็นประธานวอร์รูมในส่วนแต่ละจังหวัดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ

ขณะเดียวกันสิ่งหนึ่งที่ดำเนินการในขณะนี้เฉพาะในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ ตนได้สั่งการให้กรมการค้าภายในเรียกประชุมผู้ผลิต ผู้ประกอบการผู้ค้า และสมาคมต่างๆที่เกี่ยวข้อง เพื่อจับมือกันตรึงราคาสินค้าหมวดสำคัญต่อชีวิตประจำวัน มีมาตรการออกมาชัดเจนในหลายเรื่องเช่น 1.เครื่องใช้ไฟฟ้าจะไม่มีการขึ้นราคา 2.น้ำอัดลม 3.บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 4.ซอสปรุงรส ส่วนของไข่ไก่นั้น อธิบดีกรมการค้าภายในเชิญส่วนที่เกี่ยวข้องมาคุยกัน ตกลงว่าจะตรึงราคาไข่ไก่หน้าฟาร์มไว้ที่ 2.90 บาท ส่วนราคาขายส่งขายปลีกจะบวกไป ซึ่งมีสูตรคำนวนชัดเจนอยู่แล้ว

ส่วนเรื่องไก่ ได้มีมติให้เป็นสินค้าควบคุม ทั้งไก่เป็น และผลิตภัณฑ์จากไก่ ซึ่ง กกร.มีมติแล้ว จะเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี วันอังคารหน้า รวมทั้งกำหนดให้ไก่ หรือผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับไก่ ต้องแจ้งสต๊อก ต้นทุน และ กรมการค้าภายในประชุมร่วมกับผู้ประกอบการและเกษตรกร ถึงราคาที่เหมาะสมควรว่าควรจะเป็นเท่าไหร่ ซึ่งได้ดำเนินการไปเรียบร้อยแล้ว

“ขณะนี้ในภาพรวมสำหรับสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน ที่จะต้องขออนุญาตจากกรมการค้าภายใน หากมีการปรับราคา กรมการค้าภายในยังไม่มีการอนุญาตให้สินค้ารายใดที่ต้องขออนุญาตปรับราคาขึ้นแต่อย่างใดทั้งสิ้น

โดยนโยบายตนให้ไว้ชัดเจนว่าต้องตรึงราคาไว้ให้มากที่สุด แต่ทุกฝ่ายต้องอยู่ได้ด้วยความเป็นธรรม และถ้าใครทำผิดกฎหมาย ละเมิดข้อตกลง หรือว่ากักตุนฉวยโอกาสค้ากำไรเกินควร ให้ผู้มีหน้าที่ดำเนินคดีและให้ลงโทษขั้นสูงสุด” รมว.พาณิชย์ กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน