น.ส.วิลาสินี ภาณุรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาด บริษัท อีฟ โรเช่ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางจากประเทศฝรั่งเศส ภายใต้แบรนด์ “Yves Rocher (อีฟ โรเช่)” กล่าวถึงแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2565 ว่า บริษัทสานต่อโครงการ “สวยโลกไม่เสีย ซีซั่น 3” เพื่อแสดงออกและตอกย้ำจุดยืนของบริษัทฯ ในการใส่ใจสิ่งแวดล้อม ซึ่ง อีฟ โรเช่ เป็นแบรนด์แรกในตลาดที่ผลิตภัณฑ์ทำมาจากพลาสติกรีไซเคิลและสามารถนำไปรีไซเคิลต่อได้ 100% นอกจากเป็นการลดใช้พลาสติกแล้วยังมีการลดใช้สารเคมีต่างๆ ที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

โดยระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลต่อภาพรวมของตลาดธุรกิจความงาม ในปี 2563 มีมูลค่าตลาดลดลง 11% แต่บริษัทสามารถสร้างการเติบโตที่สวนกระแสได้ถึง 6% และในปี 2564 มูลค่าตลาดความงามโดยรวมลดลง 12% แต่บริษัทสามารถเติบโตได้ราว 7% จากการปรับตัวและสร้างภาพลักษณ์ให้ดึงดูดและเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ยุคดิจิทัลเอจ เพื่อเข้าสู่ Digital Transformation ทั้งการปรับรูปแบบการสื่อสารและเข้าสู่ช่องทางออนไลน์ จนสามารถขึ้นมาเป็นอันดับ 1 บน Social Listening ในกลุ่มสินค้าความงาม

และด้วยพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมซึ่งซื้อสินค้าออนไลน์กันมากขึ้น ทางบริษัทจึงเพิ่มและปรับกลยุทธ์ในการทำการตลาดรวมทั้งช่องทางการจำหน่ายผนวกกับการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าในโมเดลใหม่ โดยเน้นการใช้กลยุทธ์ Omni-Channel อย่างเต็มที่เพื่อเชื่อมโยงทุกช่องทางทั้งออนไลน์และออฟไลน์ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

และสำหรับแผนการดำเนินงานในปีนี้ อีฟ โรเช่ ได้ตัวแทนคนรุ่นใหม่อย่าง ใหม่-ดาวิกา โฮร์เน่ และ กลัฟ- คณาวุฒิ ไตรพิพัฒนพงษ์ มานั่งแท่นพรีเซ็นเตอร์เพื่อเจาะกลุ่ม Green Generation Millennials (คนรุ่นใหม่ที่รักสินค้าธรรมชาติและเริ่มสนใจเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม) ตอกย้ำ Brand ID ผ่านแคมเปญ “ACTS OF LOVE” มุ่งสื่อสารถึงจุดยืนของอีฟ โรเช่ ที่มีต่อโลกใบนี้ พร้อมจับมือพันธมิตรที่มีจุดยืนเดียวกัน อาทิ HEARTIST, Wisdomative, Loopers, SOA, Fisher.folk, เพียรหยดตาล, สวนศิลป์หนองมน, Kokomary, 1001 Oven Club, Ira, Chewitjitjai, Very Whale.eco, iLeafGreen, Qualy, Sassion.Studios, ชมรมสิ่งแวดล้อม, KOEN, Environman, ลุงซาเล้งกับขยะที่หายไป, T.Zero, Tase Bud Lab และ Standard Archieve

โดยเตรียมจัดกิจกรรมสร้างการรับรู้และกระตุ้นจิตสำนึกให้ผู้บริโภคทุกคนได้เข้าถึงและให้ความสำคัญในการอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างยั่งยืนรวมทั้งสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด ครอบคลุมทุกช่องทาง ทั้ง Below the Line และ Above the Line

ส่วนเป้าหมายการดำเนินธุรกิจในปีนี้ บริษัทตั้งเป้าการเติบโตที่ 19% จากปีก่อน โดยจะมาจากกลุ่มผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและเส้นผม ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีสัดส่วนในการสร้างรายได้กว่า 75% และอีก 25%

ของรายได้จะมาผลิตภัณฑ์อื่นๆ รวมทั้งบริษัทฯ ยังเตรียมที่จะผลักดันธุรกิจที่เป็นบริการนวด โดยจะมีการเปิดตัวใหม่อีกครั้ง และคาดว่าจะเป็นอีกส่วนหนึ่งที่จะเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งให้กับรายได้ในปีนี้

นอกจากนี้ Yves Rocher ยังกำหนดจัดงาน ACTs OF LOVE TOGETHER FAIR รวบรวมคนหัวใจกรีนที่มีจุดมุ่งหมายและพันธกิจเพื่อโลกใบนี้ มาสร้างสรรค์กิจกรรมต่างๆ ที่มีความหลากหลายในการสร้างการรับรู้และกระตุ้นจิตสำนึกให้ผู้บริโภคได้เข้าถึงและให้ความสำคัญในการอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างยั่งยืนโดยผู้ที่สนใจสามารถเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรม และอัพเดตความรู้ใหม่ๆ ได้ระหว่างวันที่ 5-7 ก.พ. 2565 เวลา 11.00 น. ณ Warehouse 30

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน