ม.ล.ชโยทิต กฤดากร ผู้แทนการค้าไทย เปิดเผยว่า ได้เดินสายพบและหารือสถานทูตและหอการค้าต่างประเทศ อาทิ จีน ญี่ปุ่น เกาหลี อเมริกา และในแถบยุโรปอีกหลายที่ รวมถึงผู้ประกอบการต่างชาติที่ลงทุนในไทย เพื่อจูงใจให้ต่างชาติมาลงทุนส่งเสริมการลงทุนใน 3 สาขาที่มีสัดส่วน 50% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ได้แก่ รถยนต์ อิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วน ท่องเที่ยว ตั้งเป้า 2 ปีจากนี้ไปจะมีเงินจากต่างประเทศเข้าไทย 1 ล้านล้านบาท ช่วยผลักดัน จีดีพีเพิ่ม 3% ต่อปี

“ส่วนปัญหาทางการเมืองขณะนี้จะทำให้เป็นไปตามเป้าหมายได้หรือไม่ ผมไม่กังวล ผมมาช่วยประเทศ มีงานทำก็ทำไป ถ้ามีการยุบสภาเมื่อใดผมก็เลิก ที่สละงานภาคเอกชนมาทำตรงนี้ ต้องการมาช่วยประเทศเท่านั้นเอง เพราะถ้าปล่อยจีดีพีประเทศไทยหายไป 50% จะไปเอาคืนได้จากไหน มีแต่เจ๊งหมด แต่สายตานักลงทุนต่างประเทศ มองไทยมีศักยภาพสูงมากและยังสนใจเข้ามาลงทุนในไทย แม้ว่าคนไทยเองไม่รู้สึกอย่างนั้น แต่ในความเป็นจริงแล้วต่างชาติมองตรงกันข้าม โดยเฉพาะปัญหาการเมือง”

ม.ล.ชโยทิต กล่าวว่า ปัจจุบันไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์สันดาป อันดับ 1 ใน 10 ของโลก หากสามารถเป็นฐานการผลิตรถอีวี จะสร้างเงินลงทุนได้อีกไม่น้อยกว่า 4 แสนล้านบาท และหากดึงการลงทุนด้านอิเล็กทรอนิกส์ที่เป็นต้นน้ำ ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เข้ามาได้อย่างน้อย 2 ราย ก็ทำให้เกิดเงินลงทุนแล้วอย่างน้อย 4 แสนล้านบาท ขณะเดียวกันถ้าสามารถดึงนักท่องเที่ยวที่มีศักยภาพสูงที่เกษียณอายุมาอยู่ในไทยให้ได้ตามเป้าหมาย เชื่อว่าจะมียอดใช้จ่ายอย่างน้อย 1 ล้านล้านบาท จากยอด 1 ล้านคน

ก็เชื่อมั่นว่าการปรับฐานการลงทุนรอบใหม่จะสามารถเกิดขึ้นได้แน่นอนและช่วยดันจีดีพีได้อย่างน้อยปีละ 3% ในช่วง 2 ปีจากนี้ แต่การดึงดูดต่างชาติมาลงทุน ต้องขจัดปัญหาและอำนวยความสะดวกให้กับนักลงทุนหลายอย่าง เพราะขณะนี้คู่แข่งที่น่ากลัวของไทย นอกจากเวียดนามแล้ว ยังมีอินโดนีเซีย ที่มีความพร้อมในหลายๆ ด้าน เพื่อจะเป็นูศนย์กลางผลิตแบตเตอรี่รถอีวี

อย่างไรก็ตาม ในเรื่องของแพ็กเกจรถยนต์อีวี ขณะนี้ทุกอย่างพร้อมแล้ว รอเพียงแค่กระบวนการขอความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสรุปรวมและนำเสนอต่อที่ประชุมครม. ในเร็วๆ นี้ เพื่อประกาศแผนที่ชัดเจน ยืนยันว่าไทยพร้อมแน่กับการเดินหน้ารถยนต์อีวี เพราะมีความต้องการสูงที่เป็นแรงดึงดูดได้เป็นอย่างดี และมีหลายบริษัทให้ความสนใจเข้ามาลงทุน อย่างกรณีของบริษัท ฟ็อกซ์คอนน์ ที่ร่วมทุนกับบมจ.ปตท. เพื่อจัดตั้งโรงงานผลิตยานยนต์ไฟฟ้าครบวงจร ที่ถือว่าเป็นผลดีกับไทยอย่างมาก เพราะฟ็อกซ์คอนน์ถือเป็นฐานการผลิตไอโฟน ที่ใหญ่ที่สุดของโลกให้กับ แอปเปิ้ล ซึ่งอุตสาหกรรมยานยนต์นั้นมีอุตสาหกรรมต่อเนื่องอีกมาก รวมถึงนวัตกรรมใหม่ๆ อีกมาก

ส่วนเรื่องของมาตรการดึงดูดต่างชาติที่มีกำลังซื้อสูงหรือเป็นผู้มีทักษะสูง ให้เข้ามาอยู่ในไทยระยะยาว โดยให้ถือวีซ่าระยะยาว 10 ปี และการให้ใบอนุญาตภายใต้เงื่อนไขที่กำหนดนั้นคาดว่าภายใน 1-2 เดือนจากนี้ น่าจะมีผลบังคับใช้ได้อย่างเป็นทางการ ขณะที่เรื่องของการให้ต่างชาติเป็นเจ้าของหรือเช่าทรัพย์สินได้ นั้น คงต้องรอเวลาที่เหมาะสม

ส่วนเรื่องของอุตสาหกรรมยา ยอมรับว่าในขณะนี้ยังถือว่าเป็นเรื่องยาก ที่ยังต้องใช้เวลา ความร่วมมือ และกระบวนการต่างๆ ต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน