สรรพสามิต แจงสิทธิ์ รถอีวี ไม่เหมือนรถคันแรก คนซื้อไม่ได้รับคืนเงินสด แค่ซื้อถูกลง รัฐจ่ายอุดหนุนผู้ผลิตเป็นรายไตรมาส คาดปีแรกยอดใช้สิทธิ์แตะ 3 พันล้านบาท

นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพสามิต กระทรวงการคลังกล่าวว่า นโยบายเรื่องรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) นั้น กรมสรรพสามิตได้ดำเนินการตามนโยบายของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ที่ต้องการผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตรถอีวีของภูมิภาค โดยเป้าหมายในปี ค.ศ. 2030 ประเทศไทยจะต้องผลิตรถยนต์อีวีให้ได้ 30% ของการผลิตรถยนต์ทั้งหมดภายในประเทศ

สำหรับมาตรการสนับสนุนการใช้รถยนต์อีวีในประเทศนั้น มีการสนับสนุนในเรื่องการลดราคาขายตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่คันละ 7 หมื่นบาท – 1.5 แสนบาท โดยเบื้องต้นคาดว่าปีแรกจะมีผู้มาใช้สิทธิ์รวมกันเป็นวงเงิน 3 พันล้านบาท แต่หากมีการขอมาเกินวงเงินดังกล่าว ก็พร้อมขยายวงเงินให้ เพราะไม่ได้มีการจำกัดวงเงินไว้

ทั้งนี้ ขั้นตอนการอุดหนุนไม่เหมือนกับโครงการรถคันแรกที่ให้เงินส่วนลดโดยตรงกับผู้ซื้อรถยนต์ แต่การลดราคารถยนต์อีวีตามนโยบายรัฐบาลครั้งนี้จะให้กับผู้ประกอบการ ซึ่งต้องมาทำสัญญากับกรมสรรพสามิต โดยต้องมีการสำแดงราคาต้นทุนที่แท้จริง ว่ารถยนต์ที่ขายในกรณีที่ไม่ได้รับเงินอุดหนุนอยู่ที่ราคาเท่าไหร่ เพื่อที่กรมสรรพสามิตจะได้ตรวจสอบได้ว่าส่วนลดที่ให้ไป ผู้ประกอบการมีการนำไปลดราคาขายปลีกให้กับผู้ซื้อรถยนต์อย่างแท้จริง

“การจ่ายเงินส่วนลดให้ผู้ประกอบการนั้น ผู้ประกอบการจะต้องขายรถยนต์อีวีออกไปก่อน หลังจากนั้นผู้ประกอบการจะต้องรายงานมายังกรมสรรพสามิตทุกไตรมาสว่าได้ทำการขายรถยนต์อีวีไปจำนวนเท่าไหร่ เพื่อที่กรมฯ จะได้จ่ายเงินอุดหนุนให้ผู้ประกอบการเป็นรายไตรมาส โดยเบื้องต้นคาดว่ากรมฯ น่าจะเริ่มทำสัญญากับผู้ประกอบการได้ในเดือน มี.ค. 2565” นายลวรณ กล่าว

นายลวรณ กล่าวอีกว่า มาตรการสนับสนุนรถยนต์อีวีในประเทศ จะดำเนินการในช่วง 2 ปีแรก หลังจากนั้นจะไม่ได้รับการอุดหนุน แต่ค่ายรถยนต์จะต้องผลิตรถยนต์ไฟฟ้าภายในประเทศให้ได้ตามเงื่อนไขและจำนวนที่ได้ขายไปในช่วงที่ได้รับการสนับสนุน หากค่ายรถยนต์ไม่ทำตามสัญญาก็จะมีบทลงโทษ มีค่าปรับ เป็นต้น

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน