นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบ โครงการบ้านคนไทย ประชารัฐ เฟส 2 บนที่ดินกรมธนารักษ์จำนวน 8 แปลงใน 8 จังหวัด กระจายใน 4 ภาค พื้นที่รวม 317.2 ไร่ สร้างทั้งหมดจำนวน 2,757 ยูนิต รูปแบบทั้งห้องชุด บ้านแฝด บ้านแถว ขนาดพื้นที่ใช้สอย 28 ตารางเมตรต่อยูนิต ขายในราคาประมาณ 3.5-7 แสนต่อยูนิต โดยบ้านโครงการบ้านคนไทย ประชารัฐ เฟส 2 สร้างเพื่อผู้มีรายได้น้อยที่ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ บัตรคนจน

ทั้งนี้ กลุ่มเป้าหมายที่จะจองซื้อบ้านได้ จะเป็นกลุ่มผู้ลงทะเบียนรายได้ไม่เกิน 1 แสนบาทต่อปี หากบ้านยังเหลือจะเปิดให้กลุ่มรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปีจองซื้อ และหากยังเหลืออีกจะเปิดให้ประชาชนทั่วไป แต่จะไม่ได้รับการอุดหนุนภาระดอกเบี้ยจากรัฐบาล รับสิทธิ์การอยู่อาศัยระยะยาว 30 ปี โดยโครงการนี้จะมีการกำหนดให้มีพื้นที่ส่วนกลาง 30% ของพื้นที่ทั้งหมด เพื่อใช้จัดกิจกรรมหรือร้านค้า หารายได้เป็นค่าส่วนกลางให้กับโครงการ

“นอกจากธนาคารออมสิน กับ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) จะร่วมปล่อยกู้ให้กับเอกชนแล้ว ยังจะมีเงินของสำนักงานประกันสังคมจำนวน 5,000 ล้านบาท มาร่วมพัฒนาโครงการแต่จะร่วมในส่วนใดนั้นกระทรวงการคลังจะเป็นผู้ดำเนินการหารรือกันต่อไป และในเรื่องของการดำเนินโครงการครั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กำชับว่า สำหรับผู้ที่จะมาร่วมพัฒนาโครงการ ที่จะยื่นประมูลงานต้องคัดเลือกเอกชนผู้ที่คุณสมบัติดี ไม่ทิ้งงาน และให้ดูในเรื่องของราคาหากยื่นเสนอมาราคาต่ำ ต้องเอาคุณภาพมาร่วมตัดสินด้วย เพราะหากเอาราคาตั้งต่ำอาจได้คุณภาพโครงการที่ต่ำด้วย”

นายณัฐพร กล่าวว่า สำหรับโครงการนี้ จะมีธนาคารออมสินและธอส. เตรียมวงเงินไว้ประมาณ 4,000 ล้านบาท เพื่อรองรับการปล่อยกู้ให้กับเอกชนที่จะเข้าก่อสร้างโครงการ โดยเอกชนที่ต้องการลงทุนพัฒนาโครงการยื่นเสนอแบบร่วมลงทุนแบบรัฐบาลกับเอกชนร่วมลงทุนกัน (พีพีพี) คิดดอกเบี้ยปี 1-3 อัตรา 3% ส่วนปีที่ 4-5 อัตรา MRR-1% นอกจากนี้ ยังปล่อยกู้ให้กับประชาชนรายย่อยเพื่อซื้อบ้านผ่าน ธอส. และออมสินเช่นเดียวกัน โดยปี 1-4 คิดดอกเบี้ย 2.75% ปีที่ 5-7 ดอกเบี้ย MRR-0.75% (สำหรับรายย่อย) แต่หากกู้แล้วชำระเงินผ่านการหักบัญชีรายเดือนคิดดอกเบี้ย MRR-1% รายย่อยผ่อนชำระขั้นต่ำ 2,000 บาทเดือน

อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้กรมธนารักษ์จะกำหนดเงื่อนไขประมูล เพื่อให้ภาคเอกชนยื่นข้อเสนอการเข้ามาพัฒนาลงทุนในที่ราชพัสดุที่กำหนดไว้ โดยต้องสร้างบรรยากาศ ความเป็นอยู่ที่ดีไม่เหมือนชุมชนแออัด เป็นชุมชนคุณภาพ และต้องมีมาตรการจูงใจส่วนอื่นดึงดูดให้ภาคเอกชนเสนอเข้ามาลงทุน เพราะเป็นบ้านราคาถูกได้ผลกำไรน้อย ใช้ที่ดินพัฒนาที่อยู่อาศัยอายุ 30 ปี สำหรับพื้นที่ก่อสร้าง 8 แห่ง ประกอบด้วย อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เนื้อที่ 10 ไร่, อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เนื้อที่ 16 ไร่, อ.เมือง จ.อุดรธานี เนื้อที่ 23 ไร่, อ.เมือง จ.นครพนม เนื้อที่ 30 ไร่, อ.แม่ทะ จ.ลำปาง เนื้อที่ 55 ไร่, อ.เมือง จ.เชียงราย เนื้อที่ 3.4 ไร่, อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เนื้อที่ 15 ไร่, อ.เมือง จ.ขอนแก่น เนื้อที่ 30 ไร่

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน