นายวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาลน) หรือ เอสซีจีพี เปิดเผยว่า แนวโน้มยอดขายไตรมาส 2 ปี 2565 คาดว่าจะเติบโตดีกว่าไตรมาส 1 ที่ผ่านมาและช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการที่ภาครัฐเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์ โดยเฉพาะบรรจุภัณฑ์อาหารรวมถึงการรับรู้รายได้จากการสร้างการเติบโตร่วมกันกับพันธมิตรทางธุรกิจ ของ Duy Tan, Intan Group และ Deltalab เข้ามาอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ภายในในไตรมาส 2 บริษัทจะมีการขยายกำลังการผลิตบรรจุภัณฑ์อาหารจากเยื่อธรรมชาติของโรงงานใน จ.กาญจนบุรี ซึ่งจะทำให้มีกำลังการผลิตบรรจุภัณฑ์อาหารเพิ่มขึ้นเป็น 223 ล้านชิ้นต่อปี หรือเพิ่มขึ้น 25% ของกำลังผลิตในปัจจุบัน

“ในไตรมาส 2 นี้ มีหลายประเทศทั่วโลกใช้มาตรการผ่อนปรนการควบคุมโรคระบาดส่งผลให้มีการเดินทางท่องเที่ยวระหว่างประเทศ การรับประทานอาหารนอกบ้าน การจับจ่ายใช้สอยที่เพิ่มขึ้น รวมถึงภาคการส่งออกที่ยังเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยลบที่ต้องติดตาม ซึ่งอาจทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้ช้ากว่าที่คาด คือ ผลกระทบจากมาตรการซีโร่โควิดของประเทศจีน ทำให้เศรษฐกิจในประเทศชะลอตัว ส่งผลให้ปริมาณความต้องการนำเข้าสินค้าลดลง ตลอดจนปัญหาสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ยืดเยื้ออาจส่งผลกระทบต่อราคาพลังงานให้อยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง”

นายวิชาญ กล่าวว่า สำหรับธุรกิจแพ็กเกจจิ้ง ยังคงเป็นส่วนสำคัญในกระบวนการผลิตสินค้า ขณะที่บริษัทมีสินค้าและบริการที่หลากหลายทั้งบรรจุภัณฑ์กระดาษและโพลิเมอร์ ครอบคลุมทั้งภูมิภาคอาเซียน โดยมีโรงงานผลิตรวม 56 แห่ง และมีลูกค้ากว่า 7,000 ราย โดยลูกค้ากว่า 70% อยู่ในอุตสาหกรรมอุปโภคบริโภค ทำให้บริษัทมีความยืดหยุ่นในการผลิตสินค้าที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าในแต่ละช่วงเวลาได้ รวมถึงมีการพัฒนาหาช่องทางในการขยายฐานลูกค้าไปยังภูมิภาคใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง

ส่วนแผนลงทุนปีนี้บริษัทคงงบไว้ที่ 2 หมื่นล้านบาท สำหรับขยายธุรกิจตามแผนการเติบโตระยะยาว ทั้งการขยายกำลังการผลิต ซึ่งปัจจุบันดำเนินการอยู่ 2 โครงการ ได้แก่ การขยายกำลังการผลิตบรรจุภัณฑ์อาหารจากเยื่อธรรมชาติ ของโรงงานใน จ.กาญจนบุรี และการขยายกำลังการผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์ในเวียดนามเหนือ เพื่อรองรับความต้องการของภาคอุตสาหกรรมในประเทศ ภาคการส่งออก และจากนโยบายเปิดรับการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ ส่งผลให้มีบรรษัทข้ามชาติเข้ามาลงทุนทางตอนเหนือของประเทศเป็นจำนวนมาก รวมถึงงบลงทุนในการขยายธุรกิจจากการควบรวมกิจการโดยบริษัทมีความสนใจกิจการในประเทศเวียดนาม และ อินโดนีเซีย เป็นต้น

พร้อมกันนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างศึกษานำไฟเบอร์ จากต้นกัญชงมาต่อยอดหรือนำมาใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตบรรจุภัณฑ์ ในส่วนของเป้าหมายรายได้จากการขายในปีนี้บริษัทยังคงเป้าหมายไว้ที่ 1.4 แสนล้านบาท และขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องภายใต้แผน 5 ปี (2565-2569) รวม 1 แสนล้านบาท

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน