ไทยจับมือเปรู ลุย อัพเกรด FTA เร่งปั๊มเศรษฐกิจ 2 ฝ่าย -ฟุ้งปี 64 มูลค่าการค้ารวม โต 24 % เกือบ 1.5 หมื่นล้านบาท

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 21พ.ค.2565 ที่ผ่านมา ได้เข้าร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามพิธีสารเพิ่มเติมฉบับที่4 ภายใต้พิธีสารระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐเปรู เพื่อเร่งเปิดเสรีการค้าสินค้าและอํานวยความสะดวกทางการค้า ระหว่างนางอานา เซซิเลีย เฮร์บาซิ ดิอัซ รัฐมนตรีช่วยว่าการด้านการค้าต่างประเทศ สาธารณรัฐเปรู และ นายสรรเสริญ สมะลาภา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ ในระหว่างงานประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปคที่ไทยเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นระหว่างวันที่ 19-22 พ.ค.2565 ถือเป็นความสำเร็จสำคัญของไทยและเปรูที่ได้ร่วมกันดำเนินการเจรจาปรับปรุงกฎถิ่นกำเนิดสินค้าภายใต้ความตกลงว่าด้วยการเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นระหว่างไทย-เปรู มาตั้งแต่ปี 2563 จนกระทั่งได้ลงนามร่วมกัน

ข้อมูลจากกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศระบุว่า พิธีสารเพิ่มเติมฉบับที่ 4 มีสาระสำคัญ 3 ข้อ ได้แก่ การปรับปรุงและเพิ่มเติมข้อบท กฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า เพื่อให้สอดคล้องกับบริบทการค้าในปัจจุบันและในอนาคต อาทิ อนุญาตให้ใช้หนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าที่ใช้ การลงนามและประทับตราด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ และเพิ่มเติมข้อบทให้รองรับการจัดทำหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าแบบอิเล็กทรอนิกส์ในอนาคต เพื่อให้ข้อบทด้านกฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้าภายใต้ความตกลงว่าด้วยการเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นไทย-เปรู มีมาตรฐานสูง เท่าเทียมกับความตกลง FTA ฉบับอื่น ๆ

นอกจากนี้ ยังได้ปรับโอนพิกัดศุลกากรของกฎถิ่นกำเนิดสินค้าเฉพาะรายสินค้า จากระบบฮาร์โมไนซ์ฉบับปี 2550 เป็นระบบฮาร์โมไนซ์ฉบับปี 2560 เพื่อให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติขององค์การศุลกากรโลกที่มีการปรับโอนพิกัดศุลกากรเป็นประจำทุก 5 ปี ซึ่งจะทำให้ความตกลงว่าด้วยการเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นไทย-เปรู มีความทันสมัย และช่วยอำนวยความสะดวกทางการค้าให้กับผู้ประกอบการ จะช่วยส่งเสริมบรรยากาศทางการค้าและการลงทุนของทั้งสองประเทศต่อไป โดยในปี2564 มูลค่าการค้า2 ฝ่าย ระหว่างไทยและเปรูในปี มีมูลค่าเกือบ 15,700 ล้านบาท ขยายตัวจากปีก่อนหน้าถึง 24.06% ซึ่งเป็นผลจากกรอบความตกลงการค้าเสรี หรือ FTA ระหว่างกันตั้งแต่ปี 2554 ที่ผ่านมา

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน