กระทรวงการคลังสั่งเพิ่มวงเงินออกพันธบัตรออมทรัพย์ หลังตลาดต้องการมาก ยันทั้งปีกู้ไม่เกิน 1.3 ล้านล้านบาท

คลังเพิ่มวงเงินออกพันธบัตร – นางแพตริเซีย มงคลวนิช ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) กระทรวงการคลัง กล่าวว่า ในปีงบประมาณ 2565 กระทรวงการคลังมีแผนระดมทุนผ่านพันธบัตรต่างๆ ทั้งสิ้น 1.1-1.3 ล้านล้านบาท พร้อมทั้งมีการปรับแผนการจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์เพิ่มขึ้นเป็น 1.65 แสนล้านบาท สูงสุดเท่าที่เคยมีการดำเนินการมา จากเดิมที่ 1.5 แสนล้านบาท เนื่องจากตลาดมีความต้องการค่อนข้างสูง ขณะที่อัตราผลตอบแทนก็ได้มีการปรับให้สะท้อนสภาพคลาดที่แท้จริงเพิ่มมากขึ้นตามแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในช่วงขาขึ้น จึงได้รับความสนใจจาก นักลงทุนเป็นอย่างมาก

“แผนการระดมทุนของรัฐบาลในปีงบประมาณ 2565 ที่ 1.1-1.3 ล้านล้านบาท นั้น การดำเนินการจริงคงยึดขอบล่างเป็นหลัก เพื่อไม่ให้ตลาดเกิดโอเวอร์ซับพลายมากเกินไป โดยเฉพาะในช่วงนี้เป็นช่วงที่ดอกเบี้ยขาขึ้น นักลงทุนส่วนใหญ่ก็เริ่มทยอยกลับมาลงทุนในพันธบัตรมากขึ้นด้วย การดำเนินการของ สบน. จะพิจารณาอย่างรอบคอบให้อยู่ในเกณฑ์ที่ตลาดรับได้ ไม่มากจนเกินไป” นางแพตริเซีย กล่าว

ส่วนแนวโน้มดอกเบี้ยที่อยู่ในช่วงขาขึ้นนั้น คงปฏิเสธไม่ได้ว่าอาจจะส่งผลกระทบกับการกู้เงินของรัฐบาล แต่ที่ผ่านมา สบน. มีการเตรียมความพร้อมอย่างต่อเนื่อง โดยการกู้เงินส่วนใหญ่กว่า 80% จะเป็นแบบฟิกซ์อัตราดอกเบี้ย ซึ่งจะช่วยทำให้มีการล็อกต้นทุนได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีเครื่องมืออื่นๆ ในการช่วยบริหารจัดการด้วย และการกู้เงินก็ไม่ได้ดูแค่การกู้ระยะสั้น แต่ดูความเหมาะสมเป็นหลัก เพราะหากกู้ระยะสั้นมากเกินไปก็อาจจะเป็นความเสี่ยงเรื่องต้นทุนได้เช่นกัน

ทั้งนี้ สบน. เตรียมเสนอขายพันธบัตรออมทรัพย์ รุ่นออมเพิ่มสุข วงเงินรวม 5.5 หมื่นล้านบาท เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ โดยจำหน่าย 2 รุ่นอายุ โดย 1. รุ่นออมเพิ่มสุขบนวอลเล็ต สบม. วงเงิน 1 หมื่นล้านบาท ให้แก่ประชาชน 2 รุ่น ได้แก่ รุ่นอายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ยแบบขั้นบันไดเฉลี่ย 2.90% ต่อปี และรุ่นอายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ยแบบขั้นบันไดเฉลี่ย 3.60% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน ซื้อได้ตั้งแต่อายุ 15 ปีขึ้นไป (ผู้เยาว์จะต้องลงทะเบียนในวอลเล็ต สบม. บนแอพพลิเคชันเป๋าตัง และไปยืนยันตัวตนพร้อมผู้ปกครองเพื่อกรอกเอกสารให้ความยินยอม ณ สาขาธนาคารกรุงไทยสำหรับการซื้อครั้งแรก) ลงทุนได้ตั้งแต่ 100 บาท-10 ล้านบาท จำหน่ายตั้งแต่วันที่ 13-30 มิ.ย. 2565

2. รุ่นออมเพิ่มสุข วงเงินรวม 4.5 หมื่นล้านบาท จำหน่ายให้แก่ประชาชนและนิติบุคคลไม่แสวงหากำไรที่คลังกำหนด ผ่านธนาคารตัวแทนจำหน่าย 4 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารไทยพาณิชย์ แบ่งการจำหน่ายเป็น 2 ช่วง ช่วงที่ 1 จำหน่ายให้กับประชาชนแบบจำกัดวงเงินซื้อ และช่วงที่ 2 จำหน่ายให้กับประชาชนและนิติบุคคลไม่แสวงหากำไรที่กระทรวงการคลังกำหนดแบบไม่จำกัดวงเงินซื้อ ลงทุนได้ตั้งแต่ 1 พันบาท หากเป็นผู้เยาว์ต้องมีบัญชีธนาคารตัวแทนจำหน่ายและได้รับความยินยอมจากผู้ปกครองก่อน

โดยช่วงที่ 1 (วันที่ 15-19 มิ.ย. 2565) วงเงิน 4 หมื่นล้านบาท เปิดจำหน่ายให้แก่ประชาชนทั่วไป โดยซื้อได้ไม่เกิน 10 ล้านบาท จำหน่าย 2 รุ่น ได้แก่ รุ่นอายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ยแบบขั้นบันไดเฉลี่ย 2.90% ต่อปี และรุ่นอายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ยแบบขั้นบันไดเฉลี่ย 3.60% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน ผู้สนใจสามารถซื้อได้ผ่านช่องทางเคาท์เตอร์ อินเตอร์เน็ต แบงก์กิ้ง และโมบาย แบงก์กิ้ง ของธนาคารตัวแทนจำหน่ายทั้ง 4 แห่ง

ช่วงที่ 2 (20-30 มิ.ย. 2565) จำหน่ายให้แก่ประชาชนและนิติบุคคลไม่แสวงหากำไรตามที่กระทรวงการคลังกำหนด แบบไม่จำกัดวงเงินการซื้อ โดยจำหน่ายให้ประชาชนในวงเงินคงเหลือจากช่วงที่ 1 ด้วยรุ่นอายุและเงื่อนไขเดียวกัน และจำหน่ายให้นิติบุคคลไม่แสวงหากำไรตามที่กระทรวงการคลังกำหนด วงเงิน 5 พันล้านบาท รุ่นอายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ยแบบขั้นบันไดเฉลี่ย 3.30% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 6 เดือน ซึ่งในรอบการจำหน่ายนี้ ได้เพิ่มนิติบุคคลอาคารชุด และนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรเป็นผู้มีสิทธิ์ซื้อด้วย โดยจะพิจารณาการเป็นผู้มีสิทธิ์ซื้อจากข้อบังคับนิติบุคคลที่จดทะเบียนกับกรมที่ดินหรือสำนักงานเขต และเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง








Advertisement

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน