พาณิชย์ เผย 5 เดือน ธุรกิจเจ๊ง ระนาว กว่า 4.5 พันราย เพิ่มขึ้น 17% เหตุน้ำมันแพงดันต้นทุนธุรกิจพุ่ง ก่อสร้าง-อสังหาฯ-ร้านอาหารแชมป์

วันที่ 29 มิ.ย.2565 นายจิตรกร ว่องเขตกร รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยถึงสถิติการจดทะเบียนธุรกิจประจำเดือนพ.ค.2565 ว่า มียอดจัดตั้งธุรกิจใหม่ 5,917 ราย เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า 10% หรือ เพิ่ม 541 ราย และเพิ่มขึ้นกับเดือนเดียวกันของปีก่อน 6% หรือ เพิ่ม 349 ราย มีมูลค่าทุนจดทะเบียน 14,357 ล้านบาท ลดลง 92% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า หรือลดลง 156,784 ล้านบาท และลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อน 33% หรือลดลง 7,156 ล้านบาท โดยธุรกิจจัดตั้งสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ การก่อสร้างอาคารทั่วไป 543 ราย อสังหาริมทรัพย์ 382 ราย และภัตตคาร/ร้านอาหาร 225 ราย

ส่วนธุรกิจที่เลิกกิจการ มีจำนวน 1,102 ราย เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า 30% หรือเพิ่มขึ้น 252 ราย และเพิ่มขึ้นกับเดือนเดียวกันของปีก่อน 39% หรือเพิ่มขึ้น 310 ราย โดยมีมูลค่าทุนจดทะเบียนเลิกประกอบกิจการ รวม 3,760 ล้านบาท เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าลดลง 59% หรือลดลง 5,349 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน 62% หรือเพิ่มขึ้น 1,438 ล้านบาท ธุรกิจที่เลิกกิจการสูงสุด 3 อันดับได้แก่ การก่อสร้างอาคารทั่วไป 141 ราย อสังหาริมทรัพย์ 52 ราย และภัตตคาร/ร้านอาหาร 36 ราย

นายจิตรกร กล่าวว่า ช่วง 5 เดือนแรก ม.ค.-พ.ค.65 มีธุรกิจตั้งใหม่ รวม 33,640 ราย เมื่อเทียบกับปีก่อน ลดลง 3.69% รวมทุนจดทะเบียนจัดตั้ง 259,860 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 131% ส่วนธุรกิจเลิกกิจการ มีจำนวน 4,546 ราย เพิ่มขึ้น 17% รวมทุนจดทะเบียนเลิกกิจการ 53,343 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 95.3% ทั้งนี้ ณ 31 พ.ค.2565 มีธุรกิจที่ยังดำเนินการอยู่ จำนวน 837,840 ราย มูลค่าทุน 20 ล้านล้านบาท

“ยอดจดทะเบียนตั้งใหม่ลดลงเพียง 4% เนื่องจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูง การยกเลิกการตรึงราคาก๊าซหุงต้ม การปรับขึ้นค่าไฟฟ้าทำให้ราคาสินค้าปรับสูงขึ้นจากต้นทุนการผลิต อย่างไรก็ตาม ภาคการท่องเที่ยวเริ่มดีขึ้นหลังเปิดประเทศเต็มรูปแบบ ขณะที่การส่งออกก็มีแนวโน้มขยายตัวดีเป็นผลบวกต่อการประกอบธุรกิจ ทำให้คาดว่าในช่วงครึ่งแรกของปี65 จะมียอดจัดตั้งธุรกิจราว 40,000 ราย และตลอดทั้งปีรวม 70,000-75,000ราย” นายจิตรกร กล่าว

นายจิตรกร กล่าวถึงการลงทุนประกอบธุรกิจในไทยภายใต้กฎหมายต่างด้าวเดือนพ.ค.2565 ว่า มีการอนุญาตให้คนต่างชาติประกอบธุรกิจทั้งสิ้น 41 ราย แบ่งเป็นใบอนุญาตประกอบธุรกิจ 19 ราย และหนังสือรับรองประกอบธุรกิจ 22 ราย มีเม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น 18,695 ล้านบาท เป็นผลให้ในปี 2565 มีการอนุญาตให้คนต่างชาติประกอบธุรกิจทั้งสิ้น 237 ราย เพิ่มขึ้น 6% เงินลงทุน 55,076 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

นักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในไทยมากที่สุด 3 สัญชาติแรก ได้แก่ ญี่ปุ่น 12 ราย เงินลงทุน 14,440 ล้านบาท รองลงมา ได้แก่ สิงคโปร์ 10 ราย เงินลงทุน 1,653 ล้านบาท และสหรัฐอเมริกา 5 ราย เงินลงทุน 458 ล้านบาท ตามลำดับ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน