กรมชลฯ เฝ้าระวังน้ำมากจากฝนตกหนัก กำชับโครงการชลประทาน ตรวจสอบความมั่นคงของตัวเขื่อนและอาคารบังคับน้ำให้อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งาน

กรมชลฯ เฝ้าระวังน้ำท่วม – นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 4 ส.ค. 2565 อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวมกัน 43,400 ล้านลบ.ม. คิดเป็น 57% ของความจุอ่างฯ ยังสามารถรับน้ำได้อีก 32,683 ล้านลบ.ม. เฉพาะ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกัน 10,757 ล้านลบ.ม. คิดเป็น 43% ของความจุอ่างฯ สามารถรับน้ำได้รวมกันประมาณ 14,114 ล้านลบ.ม.

อนึ่ง ตามประกาศของกองอำนวยการน้ำแห่งชาติฉบับที่ 24/2565 เรื่อง เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงน้ำหลาก และน้ำท่วมฉับพลัน กรมอุตุนิยมวิทยาได้คาดการณ์ว่า ในช่วงวันที่ 2-10 ส.ค. 2565 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังแรงขึ้นประกอบกับมีร่องมรสุมพาดผ่านบริเวณประเทศเมียนมา ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนของประเทศไทยและประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำที่ปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบนและอ่าวตังเกี๋ย ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกต่อเนื่องและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

ทั้งนี้ เนื่องจากสัปดาห์ที่ผ่านมามีฝนตกในหลายพื้นที่ ส่งผลให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำสายหลักเพิ่มมากขึ้น กรมชลประทานได้เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำและสภาพอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด พร้อมบริหารจัดการน้ำตามเกณฑ์ที่กำหนดรวมทั้งพิจารณาปรับการระบายน้ำให้เหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ โดยไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ด้านท้ายและได้กำชับให้โครงการชลประทานและหน่วยงานในสังกัดสำนักเครื่องจักรกลทั่วประเทศหมั่นตรวจสอบความมั่นคงของตัวเขื่อนและอาคารบังคับน้ำให้อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานได้อย่างเต็มศักยภาพ

รวมไปถึงการกำจัดผักตบชวาและสิ่งกีดขวางทางน้ำ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการไหลของน้ำให้ดีขึ้นที่สำคัญให้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกาศแจ้งเตือนสถานการณ์น้ำให้ประชาชนรับทราบอย่างต่อเนื่องเพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นให้ได้มากที่สุด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน