หอการค้า เผย กินเจเงินสะพัด 4.2 หมื่นล้าน เพิ่มขึ้น 5.2% ยังไม่คึกคัก เพราะของราคาของแพงขึ้น-ฟันธง เศรษฐกิจฟื้นอ่อนแบบ K เชฟ

กินเจเงินสะพัด4.2หมื่นล. – นางอุมากมล สุนทรสุรัติ ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยเปิดเผยถึงผลการสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลกินเจและความคิดเห็นต่อสถานการณ์ในปัจจุบันจากประชาชนจำนวน1,250 ตัวอย่างทั่วประเทศว่า คนส่วน 66%ไม่กินเจ และ34% กินเจ พบปีนี้สัดส่วนคนกินเจตลอดเทศกาลมีสัดส่วนมากขึ้นเป็น 81.2% สูงกว่าปีก่อน ซึ่งอยู่ที่ 62.9%

ช่องทางการซื้อ 91.8% ซื้อด้วยตนเองผ่านร้านค้าทั่วไปใช้โครงการคนละครึ่งและร้านสะดวกซื้อที่และอีก 8.2% ซื้อผ่านไลน์แมน และวินมอเตอร์ไซค์ โดยคนส่วนใหญ่ 62.2% บอกปีนี้ราคาอาหารแพงขึ้น สี่วนอีก 37.8% บอกเท่าเดิม ส่วนปริมาณการบริโภค คนส่วนใหญ่ 53.5% บริโภคเท่าเดิม, 26.3% ลดลง และ 20.3% เพิ่มขึ้น เนื่องจากค่าครองชีพสูง เศรษฐกิจไม่ดี รายได้ลดลงและ ของแพง
โดยมีมูลค่าใช้จ่ายเฉลี่ยตลอดเทศกาล 4,185 บาท/คน เพิ่มขึ้น 5.2% จากปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 3,330 บาท/คน คาดว่าจะทำให้กินเจปีนี้มีเงินสะพัดในระบบเศรษฐกิจ 42,235 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.2% จากปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 40,147 ล้านบาท

นางอุมากมล กล่าวถึงผลการสำรวจทัศนะต่อค่าครองชีพในปัจจุบันพบว่า คนส่วนใหญ่ 92.8% บอกว่าครองชีพไม่เหมาะสม และ 7.2% เหมาะสม ทำให้ค่าใช้จ่ายต่อด้านสาธาณูปโภค อาหาร ค่าน้ำมัน ค่าเช่าบ้าน และค่ารถสาธารณะเพิ่มขึ้น และคนส่วนใหญ่ 75.1% มองว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นช่วงครึ่งหลังของปี 2566 พร้อมทั้งเสนอให้รัฐบาล เร่งแก้ไขปัญหาค่าครองชีพ ทำให้การเมืองมีเสถียรภาพและ ต้องการเงินช่วยเหลือเป็นต้น

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยและประธานที่ปรึกษาศูนย์ฯ กล่าวว่า ปีนี้คนจะกินเจ ตลอดเทศกาลเพิ่มขึ้นเป็น 81.2% จากปีก่อนอยู่ที่ 62.9% ถือว่า สูงสุดในรอบ 4 ปี ชี้ให้เห็นว่ากำลังซื้อค่อยๆ กลับมา แต่เจปีนี้ก็ยังไม่คึกคัก แม้ว่ามูลค่าเงินสะพัดจะอยู่ที่ 42,235 เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 2,000 ล้านบาท เพราะราคาสินค้าแพง

“คนส่วนใหญ่คาดว่าเศรษฐกิจจะฟื้นครึ่งหลังปี 2566 เพราะประชาชน เกษตรกร และเอสเอ็มอี ยังไม่เห็นภาพการฟื้นของเศรษฐกิจ มีเพียงธุรกิจบางกลุ่ม เช่น ท่องเที่ยว และส่งออกที่รับรู้ ดังนั้น ขณะนี้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวแบบอ่อนๆ แบบ K เชฟ เพราะคนส่วนใหญ่ยังรู้สึกว่าอยู่ในส่วนของขาลง คาดว่าไตรมาส 4 เศรษฐกิจจะฟื้นชัดขึ้น เพราะจะมีเทศกาลที่สำคัญคือลอยกระทงปีใหม่ รวมทั้งยังมีมาตรการจากบัตรคนจน คนละครึ่ง เที่ยวด้วยกัน การตรึงราคาดีเซล และราคาน้ำมันที่คาดว่าจะไม่เกิน 100 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จะทำให้การใช้จ่ายคึกคัก หนุนให้เศรษฐกิจปีนี้เติบโตได้ตามเป้าที่ 3-3.5%”

นายธนวรรธน์ กล่าวถึงค่าเงินบาทที่อ่อนค่าจนทะลุ 37 บาท/เหรียญสหรัฐ ว่า เกิดจากเงินทุนไหลออก เนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เตรียมปรับขึ้นดอกเบี้ย ทำให้ธุรกิจต้องรีบคืนหนี้เงินกู้ และเร่งระดมเงินเข้าฝากธนาคาร เป็นภาวะปกติที่เกิดขึ้น คาดว่าจะเกิดขึ้นในระยะสั้นไม่เกิน 1 เดือน ทั้งนี้ ต้องรอดูว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเท่าไหร่








Advertisement

“บาทอ่อนค่าเร็วจะเกิดระยะสั้นไม่เกิน 1 เดือน ภาพรวมจะส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจไทยมากกว่าลบ การส่งออก ท่องเที่ยวจะดี และมั่นใจว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะช่วยดูแลให้เงินบาทไม่หลุดกรอบ 37.5 บาท/เหรียญสหรัฐแน่นอน คาดว่าสิ้นปีนี้ เงินบาทจะกลับมาแข็งค่าขึ้นเฉลี่ย 36.5-37 บาท/เหรียญสหรัฐ”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน