เซ็นแล้วท่อน้ำอีอีซี! ธนารักษ์ลงนามกับวงษ์สยามก่อสร้าง หลังศาลยกคำสั่งคุ้มครอง มั่นใจรัฐไม่เสียหายแน่ เร่งลงพื้นที่เจรจาส่งมอบทรัพย์สิน

เซ็นแล้วท่อน้ำอีอีซี – นายประภาศ คงเอียด อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 23 ก.ย. 2565 กรม ลงนามสัญญากับนายอนุฤทธิ์ เกิดสินธ์ชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด เพื่อส่งมอบโครงการบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก ซึ่งบริษัทเป็นผู้ชนะการประมูลตามที่คณะกรรมการที่ราชพัสดุได้มีมติในการประชุม ครั้งที่ 2/2565 เมื่อวันที่ 14 มี.ค. 2565 หลังจากที่ศาลปกครองสูงสุดยกคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวของศาลปกครองชั้นต้น เมื่อวันที่ 22 ก.ย. 2565 ซึ่งหากเซ็นสัญญาล่าช้า อาจส่งผลกระทบทำให้รัฐเสียหาย

ทั้งนี้ หลังจากที่ ศาลปกครองสูงสุดยกคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราว ทางบริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด ได้ทำหนังสือด่วนถึงกรมธนารักษ์ หากเซ็นสัญญาล่าช้าจะมีค่าเสียหายต่อวัน ที่กรมจะต้องชดใช้ รวมทั้งหากเซ็นสัญญาล่าช้าโดยไม่มีเหตุอันสมควร กรมธนารักษ์อาจมีความผิดละเมิด และละเว้นปฏิบัติหน้าที่ โดยในฐานะอธิบดีกรมบัญชีกลาง ก็กังวลว่าจะทำให้เกิดความล่าช้า โดยเฉพาะที่จะครบกำหนดเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 ก.ย. 2565 และหากไม่เซ็นก็อาจจะมีความผิดละเว้นปฏิบัติหน้าที่ได้

นายประภาศ กล่าวว่า แม้ว่าจะมีการเซ็นสัญญาแล้ว แต่ยืนยันว่าภาครัฐจะไม่มีความเสียหาย ในส่วนของคดีหลัก หากในระยะข้างหน้า ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า กระบวนการคัดเลือกไม่ชอบ ในสัญญาที่ทำไว้วงษ์สยามก่อสร้าง ให้ถือเป็นโมฆะได้ คู่สัญญาไม่สามารถฟ้องเอาผิดรัฐ หรือ เรียกร้องค่าเสียหายจากรัฐได้ ไม่ว่าจะในกรณีใดๆ ทั้งสิ้น

สำหรับการลงนามในสัญญาวันนี้ ให้ถือว่าเป็นคู่สัญญาเท่านั้น โดยสัญญาจะเริ่มก็ต่อเมื่อกรมธนารักษ์ได้ส่งมอบทรัพย์สินให้กับ วงษ์สยามก่อสร้าง แล้วเสร็จ จึงจะเริ่มนับอายุสัญญา โดยตลอดสัญญามีระยะเวลา 30 ปี ซึ่งหลังจากนี้ จะส่งเจ้าหน้าที่เร่งสำรวจทรัพย์สิน ซึ่งมีในส่วนท่อที่ต่อขยายไปยังผู้บริโภค ที่ยังเป็นของ บริษัทจัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ อีสท์ วอเตอร์ และผู้ใช้น้ำ ที่จะต้องลงไปเคลียร์ ว่าท่อส่วนดังกล่าว ทางอีสท์ วอเตอร์จะถอดออก หรือ จะขายให้วงษ์สยามก่อสร้าง โดยจะต้องให้ได้ข้อสรุปภายใน 60 วัน เพื่อไม่ให้การส่งมอบล่าช้า

นายประภาศ กล่าวว่า กรมจะเร่งส่งมอบทรัพย์สินใน 2 โครงการก่อน คือ 1.โครงการท่อส่งน้ำหนองปลาไหล – หนองค้อ และ 2.โครงการท่อส่งน้ำหนองค้อ – แหลมฉบัง (ระยะที่ 2) โดยคาดว่าจะส่งมอบได้ช่วงต้นปี 2566 ขณะที่ โครงการท่อส่งน้ำดอกกราย ของอีสท์ วอเตอร์ จะครบสัญญาสิ้นปี 2566 และคาดว่าจะเริ่มส่งมอบให้ได้ปี 2567 มีกำหนดระยะเวลา 30 ปี

และบริษัทฯ ต้องชำระผลประโยชน์ ดังนี้ 1. ค่าแรกเข้าเพื่อทำสัญญา เป็นเงิน 1,450 ล้านบาท
2. ผลประโยชน์ตอบแทนรายปี (Fixed Fee) ปีแรกชำระในวันที่ลงนามในสัญญา เป็นเงิน 44.64 ล้านบาท รวมตลอดอายุสัญญาเป็นเงิน 2,908.03 ล้านบาท และ 3. ส่วนแบ่งรายได้รายปี (Revenue Sharing) จากการบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก ในอัตรา 27% ต่อปี ของรายได้รวมก่อนหักค่าใช้จ่ายทุกปีตลอดอายุสัญญา รวมเป็นเงิน 21,335.19 ล้านบาท

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน