1 มิ.ย. เก็บค่าเหยียบแผ่นดิน “พิพัฒน์”ประกาศอีก 5 ปีข้างหน้านักท่องเที่ยวต่างชาติ ทะลักไทย 80 ล้านคน นำรายได้เข้าประเทศ 5 ล้านล้านบาท

วันที่ 11 ม.ค.66 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยในการประชุมเพื่อเตรียมความพร้อมในการต้อนรับนักท่องเที่ยว กิจกรรมสร้างเครือข่ายและเตรียมความพร้อมให้กับบุคลากรด้านการท่องเที่ยว ภายใต้แนวคิด “การเป็นเจ้าบ้านที่ดี”ว่า กระทรวงฯตั้งเป้า 5 ปีข้างหน้า หรือ ปี 2570 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาประเทศไทย 80 ล้านคน เติบโต 2 เท่า เมื่อเทียบกับปี 2562 ก่อนโควิด-19 ระบาด

ทั้งนี้ ปี 2570 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมากกว่าประชากรไทย ซึ่งปัจจุบันมี 70 ล้านคน โดยจะสร้างรายได้รวมด้านการท่องเที่ยว 5 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากฐานรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 1.93 ล้านล้านบาทเมื่อปี 2562

“ก่อนจะถึงเวลานั้นประเทศไทยต้องเตรียมบุคลากรให้พร้อมรองรับนักท่องเที่ยว จึงมอบให้ปลัดกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา รับผิดชอบเรื่องนี้ร่วมกับกรมการท่องเที่ยวและกระทรวงแรงงานเพื่อพัฒนาทักษะบุคลากรของไทย ซึ่งยอมรับว่าขณะนี้ก็มีปัญหาขาดแคลนแรงงานภาคท่องเที่ยวและบริการอยู่มาก และประเทศไทยต้องเตรียมพร้อมเรื่องการรักษาความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวด้วย”

นายพิพัฒน์ กล่าวว่า วันที่ 24 ม.ค.คณะกรรมการนโยบายท่องเที่ยวแห่งชาติ หรือ ท.ท.ช. จะหารือเรื่องเก็บค่าธรรมเนียมเข้าประเทศไทย(ค่าเหยียบแผ่นดิน)จากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ คนละ 300 บาทเป็นอัตราเดียวกันไม่ว่าจะเดินทางเข้าโดยทางบก-น้ำ-อากาศ โดยจะเก็บเฉพาะนักท่องเที่ยวที่เข้าประเทศไทยโดยใช้หนังสือเดินทางหรือพาสปอร์ต และจะยกเว้นให้สำหรับ ชาวต่างชาติที่เข้าไทยโดยใช้บอเดอร์พาสหรือหนังสือผ่านแดน ข้าราชการท้องถิ่นที่อยู่ชายแดน รวมถึงคนที่ถือพาสปอร์ตแต่มีหนังสืออนุญาตทำงานในไทยก็จะไม่เก็บค่าธรรมเนียมนี้ด้วย

“หลังประชุม ท.ท.ช. จะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.)พิจารณาในเดือนก.พ. เพื่อให้ทันกับกำหนดการที่วางไว้ให้มีผลเริ่มต้นจัดเก็บวันที่ 1 มิ.ย. 2566 ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่นั่งเรือเฟอร์รี่มาแล้วแวะเที่ยวประเทศไทยแบบเช้า-เย็นกลับ กำลังพิจารณาว่าจะไม่เก็บค่าธรรมเนียมเข้าประเทศเช่นกัน โดยหวังให้เกิดความประทับใจและกลับมาเที่ยวประเทศไทยแบบพักค้างคืนในโอกาสต่อไป”

นายศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) กล่าวว่า จำนวนนักท่องเที่ยว 80 ล้านคนในอีก 5 ปีข้างหน้าจะเป็นจริงได้หรือไม่ หรือก่อนจะพูดถึงว่าจะมีตัวเลขเป็นจำนวนเท่าใด จะเป็นจริงได้ต้องมีเที่ยวบินเข้าประเทศไทยก่อน ไม่เช่นนั้นจะเอาอะไรขนนักท่องเที่ยวมา ส่วนจะมีนักท่องเที่ยวจีนเป็นสัดส่วนเท่าใดต้องรอให้เศรษฐกิจจีนกลับมาแข็งแกร่งก่อนจึงจะเห็นภาพชัดเจนเพราะตอนนี้ในจีนยังมีการระบาดของโควิด-19 หนักมาก

ทั้งนี้ กรณีที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)เตรียมจัดโรดโชว์พาผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยไปเจอกับฝ่ายจีนในช่วงสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนก.พ. ตนเองเข้าใจว่า ททท.ต้องการเร่งทำการตลาด แต่ไม่รู้ว่าเมื่อถึงเวลานั้นผู้ประกอบการนำเที่ยวและบริษัททัวร์ของทั้งสองประเทศจะมีความพร้อมแล้วหรือยัง เพราะไม่ได้ดำเนินกิจการมา 3 ปี ต้องเปิดรับพนักงานใหม่ ขนาดบริษัททัวร์ทางฝ่ายจีนยังบอกมากับตนเองเลยว่าไม่ต้องรีบ รอให้พร้อมกันก่อน

ส่วนสถานการณ์ของทัวร์จีนจะกลับมาเข้าที่เข้าทางเมื่อใด หลังจากที่ตอนนี้รัฐบาลเปิดให้คนจีนออกเดินทางท่องเที่ยวในรูปแบบเดินทางด้วยตัวเองได้แล้วนั้น คงต้องรอให้รัฐบาลจีนประกาศก่อนว่าจะให้ท่องเที่ยวแบบคณะทัวร์ได้เมื่อใด แต่เท่าที่คาดการณ์กันเองน่าจะเป็นไตรมาส 3 ของปีนี้ที่กลับมาเป็นปกติ หากรัฐบาลจีนให้เริ่มเที่ยวแบบคณะทัวร์ได้ในเดือนเม.ย.นี้ ซึ่งขณะนี้บริษัททัวร์และโรงแรมที่รับทัวร์จีนอยู่ระหว่างเตรียมตัวกันอยู่ แต่ต้องยอมรับว่าขาดแคลนแรงงานอย่างมาก

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน